|
||
Muslimthai Focus : ทองขึ้น...แม่ค้าคนทำงานโห่ฮิ้ว ส่งดอกเบี้ย อัพราคาผ่านตู้ Q-Bic | ||
นี่ คือประเด็นที่ร้านทองคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าสามารถทำให้พ่อค้าแม่ค้านำเอาทองมาตึ๊ง หรือนำมาฝากขาย สามารถที่จะส่งดอกเบี้ย หรือไปอัพราคาได้อย่างสะดวกตลอดเวลา ทั้งเวลาทำการ หรือนอกเวลาทำการของร้านทอง โอกาสของร้านทองก็มีมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพ่อค้าแม่ค้าก็รู้จักเฉพาะตู้เอทีเอ็ม แต่ตู้เอทีเอ็มไม่สามารถให้บริการได้กับธุรกิจขายฝากทอง แต่ถ้าเป็นตู้ Q-Bic สามารถทำได้ เพราะกระบวนการในการส่งดอกเบี้ยปกติจะผ่านร้าน ทองโดยตรง ขั้นตอนก็คือแม่ค้าเอาทองมาตึ๊งไว้ที่ร้านทอง ร้านก็จะตีราคา จ่ายเงินเรียบร้อย พอถึงเวลาส่งดอกเบี้ย แม่ค้าจะเอาเงินไปส่งที่ร้านที่ตัวเองไปฝากขายไว้ แต่ถ้าไปแล้วร้านทองปิดทำการเป็นอันว่าจบกัน แต่วิธีนี้คือการโอนเงินดอกเบี้ยโดยผ่านตู้ Q-Bic ตู้จะเชื่อมกับระบบแบงก์ ให้แบงก์เป็นผู้จัดการในการโอนเข้าบัญชีเจ้าของร้านทอง การใช้บริการผ่านตู้ Q-Bic ดอกเบี้ยที่ได้จะกระจายไปตามบัญชีของร้านทองในกลุ่มโดยไม่ยุ่งยากจากตู้ส่ง ดอกเบี้ยตู้นี้ และในอนาคต ตู้ Q-Bic นี้ยังไม่ใช่แค่จ่ายดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังสามารถให้บริการชำระค่าบริการอื่น ๆ อีกมากมาย และใช่ว่าตู้แบบนี้คนไทยจะคิดไม่ได้ ทำไม่เป็น เราทำได้ในราคาแค่ตู้ละ 5 แสนบาท ถูกกว่าตู้นำเข้าถึง 4 เท่าตัว คน ที่เห็นโอกาสก็คือกลุ่มบริษัท โมลีคิว (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับคนเก่งดิจิทัลคอนเทนต์ในบ้านเรา บริษัท เอเซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด บวกกับคนเก่งเรื่องการตลาด บริษัท คิวบิคพอยท์ ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สวทช.มาร่วมกันทำให้ธุรกิจนี้เกิดขึ้น กลายเป็น 4 ปาร์ตี้ที่น่าสนใจ นายกำพล โชคสุนทสุทธิ์ กรรมการ บริษัท เอเซนเทค (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้วางระบบ ดิจิทัลคอนเทนต์ บอกว่า การจ่ายเงินค่าดอกเบี้ย เราจะพัฒนาให้คอนเทนต์สามารถจัดเก็บและส่งดอกเบี้ยไปให้กับร้านทองที่เป็น สมาชิกในกลุ่ม นอกจากการส่งดอกเบี้ย ตู้ยังทำงานได้อีกหลายอย่าง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับ บมจ.ทีโอที ในการรับชำระค่าสาธารณูปโภคมากกว่า 52 รายการ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอื่น ๆ และยังได้ร่วมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด ในการขายตั๋วรถ บขส. และบริษัท กลางประกันภัย เพื่อขายตั๋วประกันบุคคลที่ 3 รถจักรยานยนต์ด้วย ซึ่งเป้าที่ทางบริษัทกลางประกันภัยตั้งไว้ให้คือ 1 ล้านเลขหมายภายใน 3 ปี โดยตู้ทั้งหมดจะเปิดตัว กระจายไปยังร้านสาขา ในปี พ.ศ. 2553 นี้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 30-60 ตู้ หลังจากนั้นภายในปี พ.ศ. 2554 จะขยายการให้บริการทุกจังหวัดในประเทศไทย จังหวัดละ 1-2 ตู้ ตามร้านทอง จิวเวลรี่ และโรงรับจำนำ "ถ้าฝากทองไว้ที่กรุงเทพฯ เมื่อไปที่ร้อยเอ็ดแล้วต้องการวงเงินเพิ่ม ลูกค้าสามารถหาตู้และเบิกเงินไปใช้ได้เลย หรือจะจองตั๋วรถทัวร์ก็สามารถทำได้ที่เดียวกัน" หลังจากนี้บริษัท จะเริ่มดำเนินการคัดเลือกและฝึกอบรมร้านทองที่ได้รับการคัดเลือกให้รู้จัก การใช้ตู้ดังกล่าว เพื่อนำความรู้นี้ไปถ่ายทอดให้ลูกค้าต่อไป โดยการ คัดเลือกร้านทอง เพื่อนำเอาตู้ไปติดตั้งตามร้านทองนั้น ทางร้านทองไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ทางบริษัทจะต้องมีการ คัดเลือก ดูทำเล และอบรมตัวแทนอีกครั้ง อย่างชุมชนสำโรง พระโขนง ที่มีร้านทอง ในทำเลที่ดี ก็จะนำเอาร้านเหล่านี้มาอบรมเป็นเป้าหมายแรกของปีหน้า ส่วนรายได้ จะมาจากสองส่วน คือรายได้จากการใช้บริการต่าง ๆ โดยคิดค่าบริการครั้งละ 10 บาท และรายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากการขายโฆษณาผ่านหน้าจอของตู้ ซึ่งทางบริษัทสามารถที่จะเซตให้หน้าจอมีโฆษณาได้หลาย ๆ ช่อง ลงพร้อมกันในเวลาเดียวกันได้หลาย ๆ ตัว ในส่วนของโฆษณา นายกำพล โชคสุนทสุทธิ์ กล่าวต่อว่า การขายโฆษณา มีทั้งขายผ่านตู้ และตัวคอนเทนต์สามารถแยกออกไปขายเฉพาะกลุ่มก็ได้ เช่น โรงแรม โรงเรียน โรงพยาบาล คนเหล่านี้สามารถใช้คอนเทนต์ตัวนี้ในการควบคุมสื่อของตัวเองได้อีกด้วย เช่น สื่อภายในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสามารถควบคุมว่าจะนำเสนออะไร ไม่ใช่การเปิดทีวีให้ลูกค้าที่มาโรงพยาบาลดูเพียงอย่างเดียว แต่สามารถนำเสนอ โฆษณา โปรดักต์เกี่ยวกับสุขภาพ สามารถที่จะสื่อไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เลย ซึ่งปัจจุบันตลาดสื่อเฉพาะกลุ่มแบบนี้มีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปีทีเดียว สำหรับเป้าหมายโดยรวม บริษัทคาดการณ์ว่าภายในสามปีนี้ หลังจากที่ตู้กระจายครบทุกจังหวัด บริษัทสามารถคืนทุนได้อย่างแน่นอน |
||
พิมพ์จาก : http://muslimthai.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=19&id=6011
วันที่ : 2 เมษายน 66 13:26:15 สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ http://www.muslimthaipost.com |