และแล้วเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นอีกครั้ง นี่คือฉากชีวิตจริงของปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ในเรื่องพื้นที่แนวชายแดน ครั้งนี้มาปะทุจุดเดือด ที่ประสาทตาคาย และปราสาทตาเมือนธม ในเขต อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิเหนือโบราณสถานทั้งสองนี้มานานหลายทศวรรษ มีการวา กำลังเผชิญหน้ามานานแรมปี จนนำมาซึ่งเหตุปะทะในครั้งนี้ และการปะทะล่าสุด ดูจะหนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้ง เพราะเกิดการสูญเสียชีวิตของทหารทั้งฝ่ายไทยและเขมรอย่างหนัก และดูเหมือนเหตุการณ์จะทำท่าจะ ยืดเยื้อบานปลาย หาข้อยุติไม่ได้ โดยย้อนไป เช้าตรู่วันที่ 22 เม.ย. ทั้งทหารไทยและเขมรปิดฉากการระดมยิงกันด้วยคืนค. และอาวุธหนักหลายขนาด ในบริเวณ พิพาททั้งสองแห่ง เกือบ 3 ชั่วโมง ผลปรากฎว่า ทหารกล้าฝ่ายไทยต้องพลีชีพป้องป้องอธิปไตยไป 3 นาย และบาดเจ็บนับสิบนาย ท่ามกลางความพยายาม ต่อสายตรงของผู้นำกองทัพทั้งคู่ ให้ยุติการหยุดยิง แต่ไม่เป็นผล รุ่งขึ้น ก็เกิดการปะทะกันอีกระลอก จนมาถึงครั้งล่าสุดเมื่อบ่ายแก่ ๆ ของเมื่อวานนี้ ก็เกิดการปะทะกันอีกรอบ เป็นครั้งที่ 4 ล่าสุดทำให้มีทหาร ไทยสังเวยสงครามไปแล้ว 4 นาย บดเจ็บอีก 28 นาย และผลพวงที่ตามมาคือ ประชาชนตามแนวชายแดนกว่า 15,000 คน ต้องอพยพ หนีภัยสงครา ม มาอยู่ศูนย์ อพยพชั่วคราวของทงการ ถึง 21 จุด ซึ่งกลายมาเป็นภาระและปัญหาของทางการไทยอีกครั้งหนึ่ง..