มุสลิมไทยดอทคอม อิสราเอลโชว์ POWER กดดัน Boycott Ahmadinejad ในประชุม UN
www.muslimthai.com

นิวยอร์ก – ประธานาธิบดีโอบาม่า พบปะเจรจากับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลวันอังคาร (22/9) นี้ เพื่อเปิดทางสำหรับการประชุม 3 ฝ่ายเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลาง หลังจากนั้นท่านมีกำหนดพบกับประธานาธิบดีมะฮฺมูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ก่อนที่จะนำทั้งคู่มาประชุมร่วมกัน ในการประชุมสุดยอดอีกครั้งหนึ่ง โดยอาศัยช่วงการประชุมสหประชาชาติในนิวยอร์ก โดยไม่คาดหวังในความสำเร็จมากมายนัก

        เจ้าหน้าที่ของทั้ง 3 ฝ่าย (อเมริกา-ยิว-อาหรับ) ตระหนักดีว่า มีช่องว่างของความแตกแยก ที่กว้างเกินกว่าจะเชื่อมกันได้ โฆษกทำเนียบขาวย้ำว่า ไม่ได้มีความหวังว่าการประชุมเพียงครั้งเดียวจะสำเร็จ เว้นแต่จะมีการดำเนินการที่ต่อเนื่อง  ดังที่ท่านประธานาธิบดีได้พูดไว้ว่า เป็นงานหนักด้านการทูตที่ต้องทำวันต่อวัน และต้องทำให้จบลงด้วยการเกิดสันติภาพ การดำเนินงานมาจนถึงขั้นที่เกิดการประชุม 3 ฝ่ายได้ ก็นับเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

        หลังจากการส่งทูตสันติภาพ จอร์จ มิทเชลล์ ไปเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้โอบาม่าคิดว่า น่าจะพร้อมสำหรับการเจรจาระดับหนึ่ง แต่มิทเชลล์เองก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้อิสราเอล ยุติขยายการตั้งถิ่นฐานในเขตยึดครองโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาเรียกร้อง และปาเลสไตน์ประกาศเป็นเงื่อนไขสำหรับการร่วมประชุม

       แม้แต่ประเทศอาหรับอื่นๆ ก็บอกปัดข้อเรียกร้องของโอบาม่าที่ให้ผ่อนคลายท่าทีลง เช่น การอนุญาตให้เครื่องบินพาณิชย์ของอืสราเอลบินผ่านน่านฟ้า เพื่อช่วยชักจูงให้อิสราเอลยอมนั่งโต๊ะเจรจา

       ขณะเดียวกับที่ปัจจุบัน โอบาม่ากำลังเผชิญปัญหาในประเทศ และยังพยายามจัดการกับวิกฤติต่างประเทศ นับเป็นการเสี่ยงที่จัดให้มีการประชุมที่นิวยอร์กในครั้งนี้ ซึ่งสมาชิกระดับสูงในอดีตรัฐบาลบุชบางคนระบุว่า โอบาม่าเปิดตัวเร็วเกินไป โดยน่าจะรอให้การประชุมผ่านไปหลายครั้ง และเห็นเค้าลางบางสิ่งเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่นำตำแหน่งประธานาธิบดีเข้าไป เพียงแค่ในการเจรจารอบแรก ที่ยังมองไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ

การคว่ำบาตรอะฮฺมาดิเนจั๊ด

       ในที่ประชุมสหประชาชาติเช่นกัน ที่อิสราเอลเรียกร้องให้สมาชิกพากันบอยคอตต์ประธานาธิบดีอะฮฺมาดิเนจั๊ด ในการปราศรัยครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อะฮฺมาดิเนจั๊ด ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่ประเทศตะวันตก

       กาเบรียลล่า ชาเลฟ ทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการประท้วงโดยเดินออก หรือไม่เข้ามาร่วมประชุม และกล่าวว่า อะฮฺมาดิเนจั๊ดเป็นบุคคลอันตราย เช่นเดียวกับประเทศที่เขาเป็นผู้นำอยู่

      ชาเลฟยังกล่าวว่า ไม่ได้ขอให้ประเทศต่างๆ ให้คำมั่นว่าจะร่วมบอยคอตต์อิหร่าน แต่หวังว่าทูตอเมริกันประจำสหประชาชาติ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะไม่อยู่ในที่นั่งในช่วงนั้น

       เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะพิจารณาในการประชุมสหประชาชาติครั้งนี้ คือ ขอให้นานาชาติตรวจสอบการทิ้งระเบิดในกรุงแบกแดดเมื่อเดือนก่อน ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน้อย 95 คน และบาดเจ็บประมาณ 600 คน - www.muslimthai.com