สำนักข่าวมุสลิมไทย  เสียงเรียกร้องจากกลุ่มผู้ประกอบกิจการฮัจย์ไทย

          ต้องการให้มีรัฐมนตรีมุสลิมในรัฐบาลนี้ เพื่อแก้ปัญหากิจการฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมที่ต้องไปปฏิบัติ ณ ประเทศซาอุดีอาราเบีย ให้เกิดความสะดวก และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดีอาราเบีย

          ตามที่พี่น้องมุสลิมในประเทศไทยได้รับฟังคำแถลงนโยบายของพรรคเพื่อไทย  ผ่านวีซีดีที่ได้แจกจ่ายเกือบทั่วภาคใต้ เมื่อได้เป็นแก่นนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดีอาราเบีย และแก้ปัญหาของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ไม่ว่าปัญหาของจำนวนโควตาของผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมที่ถูกจำกัด  ปัญหาการจัดที่พักสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทย และอื่นๆ ดังนั้นเมื่อผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นที่สังเกตของหลายฝ่าย สำหรับพี่น้องที่เห็นชอบในนโยบายของพรรคดังกล่าว และในหลายๆส่วนก็ได้สนับสนุนพรรคนี้ จนสามารถเป็นแก่นนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยจะมองข้ามความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ได้กระทำกับพี่น้องมุสลิม และกำลังเป็นข่าวในขณะนี้เพื่อเป็นการวัดใจ ทบทวนนโยบายที่มีความจริงใจ ในการแก้ที่จะแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

          ดังนั้น ด้วยความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ที่ดีส่วนบุคคลกับประเทศซาอุดีอาราเบีย สามารถที่จะใช้โอกาสนี้ ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมในประเทศไทยที่กำลังจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มเดินทางในวันที่ 29 กันยายน 2554 เป็นเที่ยวแรก/ชุดแรก และปัญหาที่ทางรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถที่แก้ปัญหา คือ จำนวนผู้ที่ลงะเบียนที่จะเดินทางไปประกอบพีธีฮัจย์มีจำนวนมากเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ยอดผู้ที่อยู่นอกโควตาฮัจย์มีอีกประมาณ 5-6 พันคน และพี่น้องเหล่านี้ได้แสดงเจตนาบริสุทธิ์กับกรมการศาสนา โดยอาศัยมติบอร์ดฮัจย์ยอมชำระเงินคนละ 50,000 บาท เป็นจำนวนเงินพันๆล้านในบัญชีกรมการศาสนา

          อาจจะเป็น การทดสอบจากพระเจ้า เมื่อพีน้องผู้บริสุทธิ์แสดงตนพร้อมที่จะไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะห์ ( มักกะฮ์ ) ตามพระราชบัญญัติของพระองค์ แต่นโยบายด้านการส่งเสริมในกิจการศาสนาของรัฐบาลไทยจะมีความจริงใจสักแค่ไหนกับพี่น้องผู้เลื้อมใสในหลักการของพระเจ้า เพราะในสายตาของโลกมุสลิมพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย เขาคือ ชนกลุ่มน้อยที่จะต้องได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากนโยบายของรัฐ เหมือนกับนานาประเทศที่ถือปฏิบัติ

          ดังนั้น เราพูดเรื่องฮัจย์ของพี่น้องมุสลิม การแต่งตั้งให้มีมุสลิมสักคนเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ที่จะประสานความเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการฟอร์มฝ่ายบริหารประเทศในขณะนี้  และการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ ซึ่งเขาจะต้องไปนั้งเป็นคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย จำเป็นที่พรรคเพื่อไทยจะหารือผู้ใหญ่ที่เป็นมุสลิมที่เขาเข้าใจในการที่จะเลือกเฟ้นใคร คือ บุคคลที่เหมาะสม เข้าใจ อย่างน้อยเขาก็จะไม่สร้างปัญหาในกิจการฮัจย์และความไม่เข้าใจกับผู้ประกอบกิจการฮัจย์ทั่วประเทศไทย เพราะกิจการฮัจย์จะถือปฏิบัติจนถึงวันสิ้นโลก   - www.muslimthai.com