ครั้งเมื่อผมเริ่มทำนิตยสารริสกีใหม่ๆ มันจะต้องมีการทำเอกสารสัญญาในส่วนของการลงโฆษณาในเล่ม ฝ่ายการตลาดมาเล่าให้ผมฟังว่า เขาเจอทักท้วงจากบรรดาธุรกิจที่ลงโฆษณาบางเจ้าว่า ทำไมต้องทำสัญญาด้วย ที่ผ่านมาเจ้าอื่นก็ไม่เคยทำสัญญาการลงโฆษณากับเขาเลย เป็นพี่น้องมุสลิมด้วยกัน ก็ต้องเชื่อใจกันสิ เอกสารสัญญาจะมีค่าทัดเทียมกับความเป็นพี่น้องหรือ ผมมานั่งคิดต่อว่า ตกลงการทำธุรกิจต่างๆนานาเหล่านี้ เราต้องเขียนสัญญาหรือไม่ หรือว่าจะยึดแบบที่เจ้าของธุรกิจคนนั้นว่า เราเป็นพี่น้องกัน สัญญาไม่สำคัญหรอก ไม่จำเป็น แต่เมื่อผมได้ลองค้นๆในอัลกุรอานดู ผมก็พบคำตอบอยู่ในอายะฮฺที่ 282 ของซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าต่างมีหนี้สินกันจะด้วยหนี้สินใดๆ ก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลา(ใช้หนี้) ที่ถูกระบุไว้แล้ว ก็จงบันทึกหนี้สินนั้นเสีย และผู้เขียนก็จงบันทึกระหว่างพวกเจ้าด้วยความเที่ยงธรรม และผู้เขียนคนหนึ่งคนใดก็จงอย่าปฏิเสธที่จะบันทึก ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงสอนเขา ดังนั้นเขาจงบันทึกเถิด และจงให้ผู้ที่มีสิทธิเหนือเขา(ลูกหนี้) บอกให้บันทึกและเขาจงยำเกรงอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าของเขา และจงอย่าให้บกพร่องแต่อย่างใดจากสิทธินั้น และถ้าผู้มีสิทธิเหนือเขา(ลูกหนี้) เป็นคนโง่ หรือเป็นผู้อ่อนแอหรือไม่สามารถจะบอกให้บันทึกได้ ก็จงให้ผู้ปกครองของเขาบอกด้วยความเที่ยงธรรม และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้นสองนายจากบรรดาผู้ชายในหมู่พวกเจ้า แต่ถ้ามิปรากฏว่า พยานทั้งสองนั้นเป็นชายก็ให้มีผู้ชายหนึ่งกับผู้หญิงสองคน จากผู้ที่พวกเจ้าพึงใจในหมู่พยานทั้งหลาย เพื่อว่าหญิงใดในสองคนนั้นหลงไป คนหนึ่งในสองคนนั้นก็จะได้เตือนอีกคนหนึ่ง และบรรดาพยานนั้นก็จงอย่าได้ปฏิเสธ เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้อง และพวกเจ้าจงอย่าเบื่อหน่ายที่จะบันทึกหนี้สินนั้นไม่ว่าน้อยหรือมากก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาของมัน นั่นแหละคือสิ่งที่ยุติธรรมยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และเที่ยงตรงยิ่งกว่าสำหรับเป็นหลักฐานยืนยัน และเป็นสิ่งใกล้ยิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะไม่สงสัย นอกจากว่ามันเป็นสินค้าที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ซึ่งพวกเจ้าหมุนเวียนมัน (ซื้อขายแลกเปลี่ยน) ระหว่างพวกเจ้าก็ไม่มีโทษอันใดแก่พวกเจ้าที่พวกเจ้าจะไม่บันทึกมัน และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้น เมื่อพวกเจ้าต่างซื้อขายกัน และผู้เขียนก็จงอย่าก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น และผู้เป็นพยานด้วย และหากว่าพวกเจ้ากระทำ แน่นอนมันก็เป็นการฝ่าฝืนเนื่องด้วยพวกเจ้า และพวกเจ้าจงพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และอัลลอฮฺนั้นทรงให้ความรู้แก่พวกเจ้าอยู่ และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง คำตอบของอายะฮฺนี้คือ หนึ่ง ทุกๆการค้าต้องมีการทำสัญญา สอง แต่หากเป็นการซื้อขายต่อหน้า ที่เงินมาของไป การทำสัญญาก็ไม่จำเป็น สาม ผู้เขียนสัญญาต้องเป็นคนที่มีความรู้ และยุติธรรม สาม ต้องมีพยาน อาจเป็นชายสอง หรือชายหนึ่งหญิงสองก็ได้ หากมีการกล่าวอ้างว่า แล้วไม่เชื่อใจพี่น้องมุสลิมหรือ คำตอบคือเชื่อ แต่นี่คือสิ่งที่อัลกุรอานบอก และสิ่งที่อัลกุรอานบอกให้ทำนั้น เราก็ต้องทำ จะมามัวนั่งคิดเองเออเอง สาว่าจะดี อย่างนี้ไม่ได้ อีกอย่างที่เราต้องตระหนักใส่ไว้ในจิตใจเลยคือ อัลลอฮฺรู้ดีกว่าเรา และสิ่งที่อัลลอฮฺให้ทำนั้น มีเหตุผลมีที่มาที่ไป และมีผลดีแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อเรามาลองคิดดูดีๆจะเห็นได้อย่างนึงว่า การมีสัญญาบันทึกไว้ จะทำให้มีลายลักษณ์อักษรเป็นที่ยืนยัน ไม่ได้ยึดจากความจำ ซึ่งบางครั้งอาจจะลืมกันได้ อีกทั้งในเรื่องเงินเรื่องทอง บางครั้งมันไม่เข้าใครออกใคร คนที่ว่าดีๆ แต่พอเจอเรื่องเงินเข้า ก็อาจจะมีเป๋ไปบ้างก็ได้ ซึ่งถ้าไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรมันก็อาจจะเกิดปัญหาการอ้างโน่นอ้างนี่ได้ เพราะว่าไม่มีอะไรมายืนยัน หรือแค่คิดง่ายๆว่าไม่ได้คิดจะโกงหรอก แต่ลืม ซึ่งนั่นก็พร้อมจะเป็นที่มาของการผิดใจกันระหว่างพี่น้องมุสลิมได้ และพวกเจ้าจงอย่าเบื่อหน่ายที่จะบันทึกหนี้สินนั้นไม่ว่าน้อยหรือมากก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาของมัน นั่นแหละคือสิ่งที่ยุติธรรมยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และเที่ยงตรงยิ่งกว่าสำหรับเป็นหลักฐานยืนยัน และเป็นสิ่งใกล้ยิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะไม่สงสัย เสี้ยวของอายะฮฺที่ยกมาตรงนี้เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะน้อยหรือจะมากก็ต้องทำสัญญา อย่ามานั่งคิดว่าเงินไม่กี่พัน สินค้าไม่ถึงหมื่น ไม่ต้องทำสัญญาหรอก เชื่อใจกัน แต่อย่าลืมว่าตรงนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันอันชัดเจนได้ แต่อย่าลืมว่าตรงนี้จะทำให้พ้นจากการที่พี่น้องมุสลิมจะเปิดความสงสัยต่อกัน แต่อย่าลืมว่าตรงนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมไม่ถูกทำลาย เป็นการกันไว้ก่อนดีกว่าต้องมานั่งแก้ทีหลัง เป็นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมุสลิมที่แท้จริง ซึ่งนั่นคือหลักการของศาสนาอิสลาม ศาสนาแห่งการป้องกัน ที่กฎทุกข้อถูกบัญญัติมาโดยอัลลอฮฺผู้ทรงรู้ดียิ่ง โดย ชุมพล ลาวัง ที่มา นิตยสารริสกี [email protected] |