สำนักข่าวมุสลิมไทย สหรัฐกลัวปากีสถานขัดขวางการจับกุมบินลาดิน
สำนักข่าวอัล-จาซีร่า, เอเจนซี่ - นิตยสารไทมส์ ออกเมื่อวันอังคาร (03/05) เปิดเผยบทสัมภาษณ์ ลีโอน ปาเน็ตต้า ผู้อำนวยการซีไอเอ. ซึ่งกล่าวว่า ทางการสหรัฐเกรงว่าข่าวจะรั่วถึงหูบินลาดินหากให้ปากีสถานร่วมในปฏิบัติการเมื่อวันอาทิตย์ ดังนั้น จึงมีการตัดสินใจให้ดำเนินการโดยไม่ได้แจ้งทางการปากีสถาน

เมื่อวันอังคารเช่นกัน ทางการปากีสถานยืนยันว่า ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าในปฏิบัติการดังกล่าว แต่ได้กล่าวว่า ปากีสถานได้ร่วมแชร์ข้อมูลข่าวสารกับซีไอเอ. เกี่ยวกับอาคารที่พักต้องสงสัยว่าจะเป็นที่หลบซ่อนของคนสำคัญตั้งแต่ปี 2552 เรื่อยมาจนถึงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ถึงแม้จะแสดงความยินดีในความสำเร็จของปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐ แต่กระทรวงต่างประเทศปากีสถานได้แสดงความข้องใจ กรณีปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐเหนือดินแดนอธิปไตยของปากีสถาน โดยไม่ได้ขออนุญาตหรือขอความร่วมมือ และว่าเหตุการณ์นี้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์อันเป็นที่ยอมรับ
ในแถลงการณ์ยาวเหยียดของปากีสถานระบุว่า เครื่องบินสหรัฐสามารถเข้าน่านฟ้าปากีสถานได้โดยไม่ถูกเรด้าร์ตรวจจับ เนื่องจากพื้นที่ของเมืองแอบอตตาบัดล้อมรอบด้วยภูเขา และเป็นจุดบอดที่มองไม่เห็นในเรด้าร์ อย่างไรก็ตาม ทัพอากาศปากีสถานวางแผนร่วมในปฏิบัติการของสหรัฐทันทีที่ได้รับทราบ แต่ไม่ทันการณ์เนื่องจากปฏิบัติการเสร็จสิ้นและออกจากพื้นที่ไปแล้ว
แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า จากข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากฝ่ายปากีสถาน ทำให้สหรัฐนำไปขยายผลจนทำให้ปฏิบัติการสำเร็จ ทั้งนี้ โดยอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือ และเทคโนโลยี่ที่สูงกว่ามาก และหน่วยข่าวกรองของปากีสถานย้ำว่า ปฏิบัติการของสหรัฐครั้งนี้มุ่งจับตายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ประธานาธิบดีอะซิฟ อะลี ซาร์ดารี แห่งปากีสถานยืนยันว่า ครั้งนี้ไม่ได้เป็นปฏิบัติการณ์ร่วมระหว่าง 2 ประเทศ และหน่วยของกรองของปากีสถาน ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ หรือปิดบังที่ซ่อนของบินลาดินแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าปากีสถานไม่รู้มาก่อนเลย
โซเฮล เราะฮฺมาน ผู้สื่อข่าวอัล-จาซีร่า กล่าวว่า มีกลิ่นอายของความตึงเครียด และกดดันระหว่าง 2 ประเทศ หลังจากสหรัฐปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งปรากฏจากถ้อยคำแรกๆ ของประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีปากีสถานที่ไม่เป็นไปในแนวเดียวกัน รวมทั้งการกล่าวของหน่วยข่าวกรอง กับกองทัพปากีสถาน
การที่ความจริงปรากฏในที่สุดว่า บินลาเด็นอยู่ใต้จมูกของปากีสถาน แทนที่จะอยู่ในถ้ำตามตะเข็บชายแดนระหว่างปากีสถาน-อัฟกานิสถาน ตามที่เชื่อกัน ทำให้ตะวันตกพุ่งเป้าความสงสัยไปที่รัฐบาลปากีสถานว่ารู้เห็นเป็นใจ หรือปิดบังซ่อนเร้น ถึงแม้จะมีการจับกุมสมาชิกอัล-กออิดะบางคนได้ในปากีสถานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา
โรเบิร์ต ฟิสก์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์อินดิเพนเด้นท์ของอังกฤษ ซึ่งเคยสัมภาษณ์บินลาดินกล่าวว่า หน่วยข่าวกรองของปากีสถานไม่ได้เป็นองค์กรที่มีเอกภาพ เพราะพวกเขามีทัศนะ และความนิยมที่แตกต่างกัน โดยบางคนนิยมสหรัฐ บางคนต่อต้าน บางคนมีความเห็นใจ และเอนเอียงเข้าข้างกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง (ซึ่งหลายคนอาจเรียกด้วยชื่ออื่นๆ )
ฟิสก์ ได้ติดต่อไปยังสมาชิกของ ISI คนหนึ่งที่เขารู้จัก เพื่อสอบถามถึงว่า จริงหรือที่ไม่มีใครในปากีสถานรู้ที่ซ่อนของบินลาดิน คำตอบก็คือ “บางครั้งการสำรวจก็ดีกว่าที่จะเข้าโจมตี” ซึ่งฟิสก์แปลความหมายว่า ตราบเท่าที่เรารู้ว่าเขาซ่อนอยู่ที่ไหน และคอยจับตาดู ย่อมดีกว่าบุกเข้าไปโจมตี ซึ่งอาจมีผลให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายขึ้นกว่าเดิม - www.muslimthai.com |