เอนไซม์ Enzyme เอนไซม์ Enzyme คือ สารโปรตีน ที่เป็นตัวเร่งของการทำงานในระบบต่างๆ ในสิ่งมีชีวิตทำให้เซลล์เป็นล้านๆเซลล์,เนื้อเยื้อ, ของเหลว และอวัยวะต่างๆทำงานได้อย่างปกติ หากร่างกายของเราขาดเอนไซม์หรือปริมาณเอนไซม์ ปริมาณลดลง จะทำให้การทำงานของระบบต่างๆ เช่น การย่อยอาหาร การขับถ่าย การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การขจัดสารพิษของร่างการ และระบบคุ้มกันระบบเลืดในร่างกายไม่เป็นปกติ  | | เอนไซม์ แบ่งเป็น 3 ชนิด
1.เอนไซม์ จากอาหาร (Food Enzyme) พบในอาหารดิบทุกชนิด ถ้าเอนไซม์มาจากพืช เรียกว่า เอนไซม์พืช (Plant Enzyme) ถ้าเอนไซม์มาจากสัตว์ เรียกว่า เอนไซม์สัตว์ (Animal Enzyme)
|
2. เอนไซม์ย่อยอาหาร (Digestive Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตโดยส่วนใหญ่ร่างการผลิตจากตับอ่อน เพื่อใช้ย่อยและดูดซึมอาหารที่กินเข้าไป ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ที่มีคุณค่า 3.เอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน (Metabolic Enzyme) เมตาบอลิค เอนไซม์ เป็นเอนไซม์ที่ผลิตในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อการเผาผลาญสารอาหารและสร้างพลังงาน สร้างภูมิต้านทาน สร้างความเจริญเติบโต ตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ หน้าที่ของเอนไซม์
ชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์, เอนไซต์ย่อยอาหาร (Food) ให้เป็นสารอาหาร (Nutrient) ขนาดเล็ก เอนไซม์ถูกดูดซึมผ่านลำไส้เข้ากระแสโลหิต ไปสร้างกล้ามเนื้อ ผลิตฮอร์โมน เอนไซม์สร้างระบบภูมิคุ้มกัน เอนไซม์ช่วยป้องกันการอักเสบ และการติดเชื้อ เอนไซม์ขจัดสารพิษของร่างกาย และต่อต้านอนุมูลอิสระ เอนไซม์ทำให้ฮอร์โมน วิตตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆ ทำงานตามคุณสมบัติฯลฯ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเอนไซม์ คือ 1.สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างเอนไซม์ขึ้นมาใช้เองด้วยความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกัน
2. เอนไซม์เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ ถ้าย่อยได้ไม่ดี ถึงกินอาหารแสนดีก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
3. เอนไซม์ควบคุมและเร่งปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมี จะเกิดช้าจนชีวิตไม่สามารถรอได้
4. เอนไซม์แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะตัวและทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะกับสารตั้งต้นที่ถูกกำหนดเท่านั้น เอนไซม์ชนิดย่อยแป้งจะไม่ย่อยโปรตีน เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง
5. เอนไซม์ถูกทำลายโดยง่ายที่ความร้อนสูงเกิน 118 องศาฟาเรนไฮด์ หรือ เอนไซม์เปราะบางมาก
6. การแช่แข็ง ไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์
7. การขาดเอนไซม์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะไม่รักษาสุขภาพของตนเอง บางกรณีเกิดจากปัญหากรรมพันธุ์
8. เอนไซม์ที่มีระดับต่ำ (Low Enzyme Level) ในร่างกายสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่างๆ (ถ้าเอนไซม์ต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็เกิดขึ้นมากตาม) ***** กินมากเท่าไหร่ ก็นำไปใช้ไม่ได้ถ้าเอนไซต์บกพร่อง ***** เหตุผลที่กินเอนไซม์เสริม  เอนไซม์จากอาหาร | | ปู่ ย่า ตา ยาย มีอายุยืนยาวอยู่กันมาได้ไม่ต้องกินอาหารเสริมหรือกินเอนไซม์เสริม ถือว่าโชคดี เพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง ไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก ถ้าเราไปอ่านรายงานสถิติชีพของ กระทรวงสาธารณสุข ย้อนหลังกลับไป จะพบว่าโรคหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ และมะเร็งในสมัยนั้น แทบจะไม่มีให้เห็น ซึ่งคำว่ามะเร็งในสมัยนั้น จะเป็นคำที่แปลกประหลาดไม่เคยได้ยินมาก่อน |
ในระยะแรก วิตามิน และเกลือแร่ เพียง 2 อย่างที่มีการมุ่งให้เป็นอาหารเสริม ใน ค.ศ. 1930 (พ.ศ.2473), Dr.Wolfe ชาวเยอรมันได้ค้นพบประโยชน์และวิธีการใช้เอนไซม์ที่มาจากสัตว์ (Animal Enzyme) และในเวลาไล่เลี่ยกัน Dr. Howell ชาวอเมริกันได้ศึกษาประโยชน์ของเอนไซม์จากพืช ผลการศึกษาและวิจัยของท่านทั้งสอง ปูทางไปสู่การใช้เอนไซม์มาเป็นอาหารเสริมในปัจจุบัน (EnzymeSupplement)การวิจัยในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA) ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์ และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค เอนไซม์ก็จะผลิตได้น้อย เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ แท้ที่จริงเกิดจากพื้นฐานของการขาดเอนไซม์ (Low Enzyme Level) สภาพเมื่อขาดเอนไซม์
อาการที่ท่านรู้สึกด้วยตัวเอง (Symptom)ว่าท่านน่าจะขาดเอนไซม์ คือ รู้สึกเหนื่อยหลังจากกินอาหารมื้อหนัก,อ่อนเพลียเป็นประจำ, ท้องผูก ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ บางครั้งมีอาการจุกเสียด, ลมแน่นท้อง ผายลมมีกลิ่นเหม็น , อุจจาระจมน้ำ และอุจจาระเหม็นมาก, มีกลิ่นปาก, มีอาการของโรคภูมิแพ้ง่าย บางครั้งถึงขนาดหอบหืด, เวลาเป็นแผลจะหายช้า, น้ำหนักตัวเพิ่มง่าย, อาการที่แพทย์ตรวจพบ (Sign)ว่าท่านกำลังขาดเอนไซม์ คือ ตับอ่อนบวม, เม็ดโลหิตขาวเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติหลังกินอาหาร 30 นาที, น้ำลายมีฤทธิ์เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7), ในปัสสาวะมีสารพิษมาก เกิดจากอาหารไม่ย่อยจึงบูดในลำไส้ใหญ่ ร่างกายจะดูดซึมพร้อมกับน้ำเข้าไปในกระแสเลือด ตับและไตจะกรองสารพิษเอาไว้ และจะขับสารพิษนี้ทิ้งออกทางปัสสาวะ, ระดับเอนไซม์ต่ำกว่าปกติในเลือด, ความดันโลหิตอาจสูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย บุคคลที่ควรกิน เอนไซม์
ผู้ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แข็งแรง
ผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อน และมักติดเชื้อง่าย เช่น วัณโรค, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
ผู้ป่วยก่อน และหลังผ่าตัด
สตรีก่อน และ หลังคลอด
ผู้มีประสิทธิภาพตับไม่ดี เหนื่อยง่าย เช่น ตับอักเศบ
ผู้มีประสาทอ่อนไม่ปกติ ตกใจง่าย เบื่ออาหาร
ผู้มีกระเพาะลำไส้ ไม่ดีแต่กำเนิด ผอมแห้ง แรงน้อย
ผู้ที่ทำงานของประสาทไม่เต็มที่ มักสลืมสลือ กระปรกกระเปลี้ย
ผู้มีร่างกายแก้ก่อนวัย เจ็บป่วยง่าย
ผู้มีอาการติดเชื้อแปลกๆ เจ็บออดๆแอดๆ
ผู้มีภาวะเสื่ยงต่อโรคกรรมพันธ์ เช่น เบาหวาน, มะเร็ง, ปัญญาอ่อน, thalassemia เป็นต้น เอนไซม์ต้องกินขณะท้องว่าง
 | | การรับประทาน "เอนไซม์กวาดขยะ" โปรตีเอสทำหน้าที่เมตาโบลิค เอนไซม์ต้องกินขณะท้องว่าง กินเอนไซม์โปรตีเอสเป็นอาหารเสริม เพื่อให้ทำลายโมเลกุลโปรตีนที่แปลกปลอมเข้ามาในเลือด ต้อง ไม่กินพร้อมอาหาร ให้กินเวลาท้องว่าง เช่น 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร |
เอนไซม์โปรตีเอสจะซึมเข้ากระแสโลหิตได้ภายใน 5 นาที มิฉะนั้นมันจะหมดเปลืองจากการไปทำหน้าที่ย่อยอาหารเสียก่อน ถ้ากรณีมีอาหารอยู่ในกระเพาะ จนไม่เหลือเข้ากระแสเลือดตามต้องการ เอนไซม์ที่อยู่ในเลือดจะทำหน้าที่กวาดขยะในเลือด (Scavenger Enzyme) การใช้เอนไซม์โปรตีเอสเป็นอาหารเสริม ทำให้เลือดสะอาดปราศจากขยะอาหาร เรียกว่า เอนไซม์กวาดขยะ
เอนไซม์โปรตีเอสนี้จะย่อยเฉพาะโปรตีนที่ไม่มีชีวิต จะย่อยเยื่อหุ้มแบคทีเรียที่เป็นโปรตีน ทำให้แบคทีเรียตายได้ ไวรัสย่อมอยู่ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นการขาดหรือบกพร่องเอนไซม์โปรตีเอสในเลือดจึงทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง เอนไซม์โปรตีเอสเมื่อกินเวลากระเพาะว่าง สามารถซึมเข้ากระแสเลือดได้ใน 5 นาที และจะไปจับกับโปรตีนชนิดก้อนในเลือด (Alpha 2 Macroglobulin) กลายเป็นสารประกอบเชิงซ้อน ขณะที่ผ่านกระเพาะอาหารจะไม่ถูกทำลายหรือถูกย่อยโดย เปบซินและกรดเกลือในกระเพาะเหมือนที่เคยเชื่อกัน เมื่ออยู่ในกระแสโลหิตทำหน้าที่กวาดขยะ (Scavenger) ทำให้รักษาโรคอันเกิดจาการติดเชื้อ (Infection) มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอมไซม์ คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ สนใจเอนไซม์บำบัด ผลิตภัณฑ์สารอาหารจากธรรมชาติ ติดต่อ : คุณวาสนา โทรศัพท์ : 086 3087073, 086 5538427
|