สำนักข่าวมุสลิม - การบินไทย ประกาศความพร้อมจัดเที่ยวบินพิเศษ ส่งผู้แสวงบุญไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2554
การบินไทย ประกาศเตรียมความพร้อมหลังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการจัดหาเที่ยวบินพิเศษขนส่งผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นคร เมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประจำปี 2554 โดยจะทำการบินทั้งไปและกลับในช่วงการประกอบพิธีดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 28 พฤศจิกายน 2554

นายดุลยพงศ์ สุขานุศาสน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้การบินไทยยังคงเป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดเที่ยวบินพิเศษ เพื่อรองรับการเดินทางให้แก่ชาวไทยมุสลิมที่ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เช่นเดิม โดยในปีนี้ การบินไทยได้จัดเที่ยวบินพิเศษออกเดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานกระบี่ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ให้การสนับสนุนโดยสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นอำนวยความสะดวกความปลอดภัยแก่ผู้แสวงบุญให้สามารถเดินทางได้ตรงเวลา

โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดเที่ยวบินทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับจำนวน 60 เที่ยวบิน สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ 8,850 คน ใช้เครื่องบินแบบแอร์บัส 330-300 ในแบบเช่าเหมาลำ ความจุ 295 ที่นั่ง มีเที่ยวบินขาไปสู่จุดหมายปลายทางที่เมืองมาดินะห์ ซึ่งจะเดินทางออกจากหาดใหญ่ จำนวน 26 เที่ยวบิน ภูเก็ต จำนวน 2 เที่ยวบิน กระบี่ จำนวน 1 เที่ยวบิน และกรุงเทพฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน โดยจะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 29 กันายายน-15 ตุลาคม 2554 ส่วนเที่ยวบินขากลับจะออกเดินทางจากเมืองเจดดาห์กลับมายังหาดใหญ่ จำนวน 26 เที่ยวบิน ภูเก็ต จำนวน 2 เที่ยวบิน กระบี่ จำนวน 1 เที่ยวบิน และกรุงเทพฯ จำนวน 1 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 12-28 พฤศจิกายน 2554 อย่างไรก็ตาม ตารางการบินเที่ยวบินพิเศษที่บริษัทฯ ได้จัดเตรียมไว้นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาให้ความเห็นชอบการทำการบินจากกรมการบินพลเรือนของประเทศซาอุดิอาระเบีย

ทางด้านความพร้อมในการบริการผู้แสวงบุญนั้น ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้จัดเตรียมอาหารฮาลาลที่ผลิตโดยครัวฮาลาลของการบินไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล HAL-Q เพื่อให้ผู้แสวงบุญที่เดินทางได้มั่นใจว่าอาหารฮาลาลที่ให้บริการในเที่ยวบินโดยไม่มีการปนเปื้อนสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนา ด้านสัมภาระนั้นผู้แสวงบุญสามารถนำกระเป๋าถือติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ 1 ชิ้น โดยต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม ขนาดไม่เกิน 115 เซนติเมตร หรือ 45 นิ้ว และยังสามารถนำสัมภาระสำหรับการเดินทางโดยมีน้ำหนักได้ไม่เกินท่านละ 30 กิโลกรัม ติดป้ายระบุชื่อ รูปถ่าย ให้ชัดเจน เพื่อผ้านการตรวจสอบตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของเที่ยวบิน

ในส่วนของอัตราค่าโดยสารนั้น บริษัทฯ ได้กำหนดราคาค่าโดยสารสำหรับเที่ยวบินพิเศษ โดยได้รับความเห็นชอบจากกรมการบินพลเรือนให้ใช้ราคาค่าโดยสารพิเศษสำหรับการเดินทางไปและกลับ ทั้งนี้ ได้รวมค่าธรรมเนียมต่างๆ และ แต่ยังไม่รวมค่าภาษีสนามบิน ดังนี้
- เที่ยวไป เส้นทางหาดใหญ่ – มาดินะห์ และเที่ยวกลับ เส้นทางเจดดาห์ – หาดใหญ่ ราคา 48,500 บาท - เที่ยวไป เส้นทางภูเก็ต – มาดินะห์ และเที่ยวกลับ เส้นทางเจดดาห์ – ภูเก็ต ราคา 47,500 บาท - เที่ยวไป เส้นทางกระบี่ – มาดินะห์ และเที่ยวกลับ เส้นทางเจดดาห์ – กระบี่ ราคา 47,500 บาท - เที่ยวไป เส้นทางสุวรรณภูมิ – มาดินะห์ และเที่ยวกลับ เส้นทางเจดดาห์ – สุวรรณภูมิ ราคา 45,500 บาท

“ในปีนี้ เราได้มีการรองรับผู้แสวงบุญด้วยการเพิ่มขึ้นอีก 73.5 % คิดเป็นจำนวน 8,850 คน จากปีที่แล้วมีผู้แสวงบุญใช้บริการ 5,100 คน และเรามีความพร้อมในเรื่องการบริการไม่ว่าจะเป็นอาหารฮาลาล และสัมภาระต่างๆ ของผู้แสวงบุญ ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ประกอบการนำผู้แสวงบุญทำพิธีฮัจย์ที่ผ่านการรับรองจากกรมการศาสนาประมาณ 93 ราย ซึ่งหากมีจำนวนผู้แสวงบุญที่ต้องการเดินทางไปทำพิธีดังกล่าวจำนวนมากเกินที่ทางเราระบุ อาจมีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินได้ ทั้งนี้ ในส่วนของราคาค่าโดยสารนั้นมีการปรับขึ้นมาประมาณ 1-3 % เนื่องมาจากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง” ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางขอให้ติดตามข่าวสารการเดินทางและข้อปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการฮัจย์ได้ที่ www.thaiairways.com หรือสำนักงานขายหาดใหญ่ ภูเก็ต กระบี่ และกรุงเทพฯ หรือสอบถามที่โทรศัพท์ 02-356-1111 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป

สัมภาระผู้โดยสาร สำหรับเที่ยวบินขาไปและเที่ยวบินขากลับ แบ่งเป็นประเภทได้ ดังนี้
1. บรรจุใต้ท้องเครื่องบิน
- อนุญาตให้ท่านละไม่เกิน 30 กิโลกรัม - สัมภาระจะต้องผ่านการชั่งน้ำหนัก และ ผ่านการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ - สัมภาระของผู้โดยสารแต่ละกลุ่มจะต้องระบุชื่อ รูปถ่าย สัญลักษณ์(แถบสี) ให้ชัดเจนตามที่กรมการศาสนากำหนด - สิ่งของต้องห้ามที่ผู้โดยสารสามารถนำไปได้ แต่จะต้องใส่ไว้ในสัมภาระบรรจุใต้ท้องเครื่อง ได้แก่ 1. ของมีคม หรือมีลักษณะคล้ายอาวุธ เช่น กรรไกร, มีด, ที่ตัดเล็บ 2. ของเหลว, เจล, สเปรย์ หรือ วัตถุและสารอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น เครื่องดื่ม, ครีม/โลชั่น, ยาสีฟัน, เครื่องสำอาง, น้ำหอม
- สิ่งของต้องห้ามใด ๆ ก็ตามที่ได้รับการตรวจจับ จะถูกริบได้ หรือผู้โดยสารจะเลือกปฏิเสธที่จะไม่นำไปด้วยได้ตามความเหมาะสม หมายเหตุ : เที่ยวบินขากลับให้ผู้โดยสารนำน้ำ Zam Zam บรรจุใต้ท้องเครื่องได้ท่านละ 1 แกลลอน / น้ำหนัก 5 ลิตร และต้องบรรจุในถุงพลาสติกใสปิดผนึกปากถุง
ข้อพิจารณา - น้ำบูดู เที่ยวบินขาออกทุกปี จะมีผู้โดยสารนำน้ำบูดู ใส่รวมมากับสัมภาระที่บรรจุใต้ท้องเครื่อง ซึ่งที่ผ่าน ๆ มาบริษัทฯ ได้อนุญาตให้สามารถนำไปได้ แต่จำกัดในเรื่องของปริมาตรน้ำบูดูกับภาชนะที่บรรจุ
2. ถือขึ้นเครื่องบิน
- ให้ท่านละ 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม ขนาดวัดโดยรอบ ไม่เกิน 115 เซนติเมตร หรือ 45 นิ้ว - สัมภาระทุกชิ้นต้องผ่านการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ และ/หรือ ด้วยมือ - ของเหลว, เจล และสเปรย์ ทุกชนิด ต้องบรรจุในภาชนะที่มีขนาดความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร(หรือปริมาณที่เทียบเท่ากันในหน่วยวัดปริมาตรอื่น) โดยภาชนะทั้งหมดปริมาตรรวมกันไม่เกิน 1 ลิตร และใส่รวมในถุงพลาสติกใสซึ่งเปิด-ปิดผนึกได้ และต้องแยกออกจากสัมภาระติดตัวอื่น ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ณ จุดตรวจค้น - กรณีที่ตรวจพบของเหลว, เจล , สเปรย์ ทุกชนิด มีปริมาตรเกินกว่าที่กำหนดไว้ / ของมีคม หรือมีลักษณะคล้ายอาวุธ เช่น กรรไกร, มีด, ที่ตัดเล็บ ฯลฯ จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง และจะต้องถูกริบหรือต้องถูกทิ้งในภาชนะที่จัดไว้ให้ - ของเหลวที่ได้รับการยกเว้นให้ถือขึ้นเครื่องได้ ได้แก่ นม และ อาหารสำหรับเด็กทารกในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงยาที่มีเอกสารกำกับชัดเจน - สิ่งของต้องห้ามใด ๆ ก็ตามที่ได้รับการตรวจจับ จะถูกริบได้ หรือผู้โดยสารจะเลือกปฏิเสธที่จะไม่นำไปด้วยได้ตามความเหมาะสม
3. ห้ามนำขึ้นเครื่องโดยเด็ดขาด เช่น ทุเรียน, มะขาม, วัตถุไวไฟต่าง ๆ, วัตถุอันตราย, อาวุธหรือสิ่งเทียมอาวุธ เป็นต้น
- www.muslimthai.com
|