หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
พธม.ขีดเส้นตาย รบ.7วันแก้วิกฤต ม็อบแดง นปช.เหน็บ เสื้อสีชมพู ให้เผยตัวตนที่แท้เป็น เสื้อเหลือง

พธม.ขีดเส้นตาย รบ.7วันแก้วิกฤต"ม็อบแดง" นปช.เหน็บ"เสื้อสีชมพู"ให้เผยตัวตนที่แท้เป็น"เสื้อเหลือง"

กลุ่ม"เสื้อหลากสี"ลั่นพร้อมร่วมชุมนุมพันธมิตร แกนเสื้อแดงจี้เปิดตัวเป็น"พวกเดียวกัน"ไม่ต้องเขิน พรรคเพื่อไทยจี้นายกฯเอาผิดเสื้อหลากสีผิด กม.ฉุกเฉิน อย่า 2 มาตรฐาน กสม.ลั่นได้ชื่อ 11 กก.สอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 10 เม.ย.


พธม.ถกเครือข่ายไร้เงา"สนธิ"

 

เมื่อวันที่ 18 เมษายน เวลา 09.00 น. ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เครือข่ายแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จัดประชุม ภายใต้หัวข้อ ฝ่าวิกฤตประเทศไทย ปฏิรูปใหญ่อย่างรอบด้านŽ โดยมีเครือข่ายที่เข้าร่วมจาก อาทิ จาก จ.กำแพงเพชร ชลบุรี อยุธยา บุรีรัมย์ รวมทั้งในกรุงเทพฯ รวมกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมได้สวมเสื้อหลากสี และใช้มือตบสีต่างๆ ไม่ใช่สีเหลืองเช่นที่ผ่านมา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นผู้ดำเนินการประชุมขณะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด โดยก่อนเริ่มประชุม แกนนำได้นำผู้เข้าร่วมไว้อาลัยสมาชิก พธม.ที่เสียชีวิตเมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 รวมทั้งสมาชิกคนเสื้อแดงและทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา


ต่อมาช่วงบ่าย แกนนำ พธม.รุ่น 2 นำโดยนายสุริยะใส กตะศิลา นายศิริชัย ไม้งาม นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายสำราญ รอดเพชร ได้ขึ้นเวทีรับฟังข้อเสนอจากเครือข่ายแกนนำหากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตในปัจจุบันได้ โดยนายสุริยะใสเป็นผู้กล่าวสรุปว่า 1.ขณะนี้ไทยถูกปกคลุมด้วยความรุนแรง 2.สื่อกระแสหลักไม่ได้แยกแยะข้อเท็จจริงกับการเสนอข่าว 3.รัฐบาลเหมือนไม่มีอำนาจสั่งการ 4.การขยายตัวของกลุ่ม นปช.เหมือนสังคมไทยอยู่ในความกังวล และไม่ไว้วางใจในเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ 5.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีห่วงภาพพจน์มากเกินไป ควรจะพูดให้น้อยลง และตัดสินใจให้เด็ดขาดมากขึ้น 6.ไทยยังเป็นประเทศของเราทุกคน ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และ 7.รัฐบาลละเลยสื่อสารมวลชน


นายสุริยะใสกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า การยุบสภา ลาออกไม่ใช่ทางออกในขณะนี้ จึงเสนอให้กลุ่ม พธม. และประชาชนทั่วไป แสดงพลังปกป้องประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ โดยติดธงชาติไว้ที่บ้าน และติดสติ๊กเกอร์ "เรารักในหลวง" ขณะที่สื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งวิทยุชุมชน วอยซ์ทีวี และพีเพิล ชาแนล เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลควรเข้าไปควบคุมและควรเร่งปฏิรูปกลุ่มคนชั้นล่างที่มีรายได้ต่ำ ทำให้บางคนอาจหลงผิดเข้าไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ซึ่งหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ ควรประกาศกฎอัยการศึก ขณะที่กลุ่ม พธม.ควรสร้างกองกำลัง เพื่อป้องกันตัวเอง และควรยกระดับการเสนอข่าวสารผ่านทางเอเอสทีวีให้เข้มข้นขึ้น โดยจะต้องแสดงข้อเท็จจริงให้รวดเร็วทันเหตุการณ์มากขึ้น


ให้รบ.7วันแก้วิกฤตเสื้อแดง


นายพิภพกล่าวว่า มีข้อสังเกตว่า เหตุใดสื่อและนักวิชาการจึงไม่ตั้งคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณฉ้อโกงจริงหรือไม่ เหตุใดนักสันติวิธีหลายกลุ่ม จึงไม่ตั้งคำถามว่ารัฐบาลทักษิณได้ฆ่าคนตายจำนวนมาก ทั้งจากเหตุการณ์สะบ้าย้อย เหตุการณ์ที่กรือเซะ ตากใบ รวมถึงการฆ่าผู้ค้ายาเสพติดโดยไม่ผ่านกระบวนการศาลยุติธรรม หากไม่เปลี่ยนความคิดจากการถูกครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไม่ใช่การต่อสู้โดยสันติวิธี คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นผู้ทำลายประเทศไทยเอง
ด้าน พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่มียุคใดที่ทหารอ่อนแอและรัฐบาลหน่อมแน้มเท่าชุดนี้ ถ้ารัฐบาลใช้ความกล้าหาญและทหารไม่อ่อนแอเช่นนี้ ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ความรุนแรงก็จะไม่เกิดขึ้น หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาภายใน 7 วัน และเสื้อแดงยังชุมนุมอยู่ พธม.จะไม่เลิกแนวทางการช่วยกันปฏิรูปประเทศโดยยึดถือกรอบภายใต้กฎหมาย


"มติวันนี้เป็นของพันธมิตรฯทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงทำให้ประเทศชาติเสียหาย ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ เราจะออกมา ส่วนรูปแบบนั้น เรามองไว้แล้ว และพร้อมจะตัดสินใจทันที เพื่อครบกำหนด 7 วัน แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ และมั่นใจว่าสำเร็จด้วย แต่อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ขอให้ประชาชนมั่นใจ เราไม่ได้ออกมาหลอกล่อให้คนเข้ามาชุมนุม แต่ทุกคนมาด้วยใจ" พล.ต.จำลองกล่าว


พล.ต.จำลองกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนหลากสีหรือไม่นั้น ขึ้นกับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ


ออกแถลงพิทักษ์ชาติ-ราชบัลลังก์


ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นเรื่องจริง เอาจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก เราต้องรักษาชาติ กษัตริย์และประชาธิปไตย แต่ช่วงนี้ให้รัฐบาลทำหน้าที่ไปก่อน ดูว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีแค่ไหน หลังจากนั้น จะหารือกันอีกครั้ง


"ตอนนี้ทหารเป็นแตงโม มีตำรวจเป็นมะเขือเทศ มีรัฐบาลเป็นมะเขือเผาและไม่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลต้องปกป้องความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เมื่อรัฐบาลไม่รักษานิติรัฐ ทหารไม่สามารถทำอะไรได้ รัฐจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อรัฐอยู่ไม่ได้ ตามมาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญ ก็ให้อำนาจประชาชนชาวไทยมีสิทธิปกป้องความมั่นคงของประเทศ เราจึงต้องเตรียมพร้อม" นายสมศักดิ์กล่าว


ภายหลังการเสวนา พันธมิตรได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8/2553 เรื่อง "เตรียมพร้อมทำหน้าที่พลเมืองพิทักษ์รักษาชาติและราชบัลลังก์" เรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายจัดการกับขบวนการก่อการร้ายของระบอบทักษิณอย่างเคร่งครัดและเต็มประสิทธิภาพขั้นเด็ดขาดโดยทันที และภายใน 7 วัน หากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการใดๆ จนส่งผลทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อชาติและราชบัลลังก์ พันธมิตรฯจะทำหน้าที่พลเมืองตามรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์รักษาชาติและราชบัลลังก์ทันที และในระหว่างนี้ประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯทุกพื้นที่และทุกจังหวัดสามารถใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเข้าร่วมกิจกรรมกับพลเมืองอื่นๆ เพื่อต่อต้านขบวนการก่อการร้ายของระบอบทักษิณได้อย่างเต็มที่


หลากสีพร้อมร่วม พธม.


วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเสื้อชมพูและเสื้อหลากสี ที่เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า ผู้เข้าร่วมประมาณ 3,000 คน นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงค์ ผู้ประสานงานกลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ มีการแจกพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งสติ๊กเกอร์ข้อความ "ไม่ยุบสภา" พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดงคืนพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ให้แก่ชาวกรุงเทพฯโดยเร็ว ทั้งนี้ การชุมนุมกินพื้นที่ 2 ช่องจราจรทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด ตลอดเวลาผู้ชุมนุมต่างพากันตะโกน "รักชาติ ออกมา" สลับกับการร้องเพลงปลุกใจ จนกระทั่งเวลา 18.00 น. จึงแยกย้ายกันกลับ


นพ.ตุลย์แถลงว่า กลุ่มเสื้อหลากสีขอเรียกร้องต่อคนเสื้อแดงดังนี้ 1.หยุดล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ และที่ปรึกษาของพระองค์ 2.หยุดการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงและอาวุธสงครามที่ก่อให้เกิดการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ 3.หยุดการใช้ความเท็จหลอกหลวงผู้ชุมนุมให้เกิดความแตกแยก 4.หยุดการข่มขู่ บังคับผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดให้ชุมนุมต่อ และ 5.หยุดการชุมนุมที่กีดขวางการจราจรที่สำคัญโดยเฉพาะบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ทั้งนี้ ในวันที่ 19 เมษายน จะไปชุมนุมที่สวนจตุจักร วันที่ 20 เมษายน จะไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า วันที่ 21 เมษายน จะไปสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่วงเวียนใหญ่ ส่วนวันอื่นๆ ก็จะนัดรวมตัวกันอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มพันธมิตรจะออกมาเคลื่อนไหวโดยสงบ สันติ ก็เป็นสิทธิที่ทางกลุ่มจะเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระแก้วราว 50 คน เดินรณรงค์เรียกร้องให้ประชาชนออกมาปกป้องสถาบัน และให้กำลังใจบรรดาทหารและตำรวจ ก่อนสลายตัวไปเมื่อเวลา 18.00 น.


พท.จี้นายกฯฟันเสื้อหลากสี


วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อหลากสีว่า เชื่อว่าแปลงร่างมาจากกลุ่มเสื้อเหลืองร่วมกับเครือข่ายที่สนับสนุนรัฐบาลผ่านการจัดตั้งจากนักการเมืองฝั่งรัฐบาลเพื่อต้านการยุบสภา และให้ใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด แต่การปิดถนนพหลโยธินหน้ากรมทหารราบที่ 11 บางเขน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ถือว่าผิดกฎหมายตามประกาศของ พ.ร.ก.การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน รวมทั้งยังมีการปิดถนนปิดกั้นการจราจร แต่คนในรัฐบาลกลับแสดงความชื่นชม ชี้ให้เห็นถึงความเป็นสองมาตรฐาน เลือกปฏิบัติที่สร้างความคับข้องใจให้ประชาชนคนไทย และประจานความไร้มาตรฐานของการบังคับใช้กฎหมาย ขาดความเป็นนิติรัฐ นิติธรรมของรัฐบาล ซึ่งเป็นต้นตอให้ความขัดแย้งในสังคมไทยรุนแรงและบานปลายไม่สิ้นสุด  จึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะความเป็นผู้นำโดยการดำเนินการเอาผิดกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่านายอภิสิทธิ์กำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 


ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเอาผิดกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมปิดแยกราชประสงค์ด้วยหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะวันนี้รัฐบาลออกหมายจับแกนนำคนเสื้อแดงอยู่แล้ว ตนจะให้เวลานายกรัฐมนตรี 7 วัน ไม่เช่นนั้นตนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายกรัฐมนตรีทันที


แกนแดงจี้เปิดตัวพวกเดียวกัน 


ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวถึงการขีดเส้นตายของพันธมิตรว่า เป็นการกดดันให้รัฐบาลจัดการกับคนเสื้อแดง รูปแบบเหมือนเหตุการณ์ 19 กันยายน ที่เรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติ แต่เชื่อว่าการปฏิวัติในวันนี้เป็นไปได้ยาก เพราะสังคมไม่ยอมรับ แต่หากเกิดขึ้นจริง เสื้อแดงจะต่อสู้ต่อไป


ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อสีชมพูว่า เป็นเสรีภาพที่ทำได้ เพียงแต่เป็นคนกลุ่มเดียวกับผู้ยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ซึ่งหากเป็นตนคงอายที่มาโจมตีคนเสื้อแดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่ตนเองยึดสนามบินนานาชาติ ซึ่งกฎหมายระบุชัดว่าเป็นพฤติกรรมผู้ก่อการร้ายสากล  ขณะเดียวกันก็เห็นว่าไม่น่าจะเขินอายอะไรที่จะเปิดเผยตัวให้ชัดว่าเป็นพันธมิตรที่เคยขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่แปลงร่างมาใส่ตามสีเสื้อที่คนไทยใส่เพื่อแสดงความจงรักภักดี  คือ คนไทยใส่เสื้อสีอะไรแสดงความจงรักภัคดี คนกลุ่มนี้ก็จะไปใส่สีนั้นแล้วเอามาใช้ประโยชน์ทางการเมือง


"หากพันธมิตรชุมนุม ให้หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ไปร่วมชุมนุมเสีย เพียงแต่ต้องไม่ลืมไปรับหมายจับฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ตำรวจคนหนึ่งบอกว่าการชุมนุมของคนเสื้อสีชมพูสามารถอะลุ้มอล่วยได้ แต่ทำไมของคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 เมษายน ต้องเอาอาวุธสงครามมาไล่ล่า ถ้าบ้านเมืองนี้ใช้อารมณ์ส่วนตัวมากำหนดได้แบบนี้ แล้วจะมีกฎหมายไปทำไม" นายณัฐวุฒิกล่าว


เครือข่ายตุลาจี้ประชาคมโลกจับตา


เวลา 12.30 น. กลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งประกอบด้วย นักวิชาการ เครือข่ายคนเดือนตุลา สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สมัชชาสังคมก้าวหน้า นักข่าวไซเบอร์ ชมรมพิทักษ์หลักนิติธรรมแห่งประเทศไทย ตัวแทนพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง และตัวแทนผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมวันที่ 10 เมษายน ร่วมกันออกแถลงการณ์ "หยุดความรุนแรง" ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน


โดยนางวิภา ดาวมณี  ตัวแทนเครือข่ายคนเดือนตุลา อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษเรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยนำเสนอเรื่องการยุติความรุนแรง จากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เพราะนอกจากรัฐบาลจะไม่รับผิดชอบต่อความผิดพลาดแล้ว ยังมีการกล่าวหาเรื่องผู้ก่อการร้าย มีการควบคุมสื่อแบบเบ็ดเสร็จโดยโหมข่าวเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งยังประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะใช้การปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อกวาดล้างผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลกล่าวหาว่าปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน


"เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ศอฉ."


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าวได้มีการแสดงละคอนใบ้ เกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ท่ามกลางความสนใจของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยในฉากที่ทหารยิงประชาชน ได้รับเสียงปรบมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม


กก.สิทธิอาเซียนเรียกร้อง5ข้อ


ทางด้าน น.ส.ศรีประภา เพชรมีศรี ในฐานะผู้แทนไทยในกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลและ นปช.โดยมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ 1.ให้รัฐบาลยุติการใช้สื่อรัฐเผยแพร่ข่าวที่ยังไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องจากฝ่ายเป็นกลางและยุติการปิดกั้นการสื่อสารของประชาชน (เช่น การปิดเว็บไซต์) และให้สื่อกระแสหลักเสนอข่าวอย่างรอบด้าน 2.ให้ฝ่าย นปช.โดยเฉพาะแกนนำยุติการปราศรัยในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อหรือกระตุ้นให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรงในสังคม 3.ให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 4.ทั้งรัฐบาลและ นปช.แต่งตั้งผู้แทนมากำหนดกรอบและแนวทางเจรจาหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง และ 5.ให้ผู้แทนกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (จากประเทศที่ยินดีเข้าร่วม) จัดตั้งทีมอิสระในระดับภูมิภาคเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจากการสลายการชุมนุม

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185