|
มาร์ค-ปชป.ฟาดสองเด้ง หลังเดินหมากคุยเสื้อแดง |
|
|
**แม้ว่า การตั้งโต๊ะเจรจาทั้งสองฝ่ายสุดท้ายเป็นอันต้องล่มไม่เป็นท่า เมื่อ ตุ๊ดตู่ สู้แล้วรวย จตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในสามลิ่วล้อนักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ประกาศหลังการเจรจารอบสองว่า จะไม่มีบรรยากาศการจับเข่าคุยกับรัฐบาลอีกต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังใจกว้าง แสดงออกว่าอยากจะเปิดเจรจาในรอบใหม่ เมื่อต่างคนต่างแนวทางเช่นนี้ โอกาสจะฝ่าวิกฤติการเมืองได้ด้วยสันติวิธีจึงเป็นเรื่องยากจะเกิดขึ้นได้ ทำให้ประชาชนพากันทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย และเตรียมทำใจได้เลยว่า ไฟที่กลุ่มคนเสื้อจุดขึ้นเผาบ้านเผาเมือง จะยังสุมขอนนำพาประเทศชาติให้ร้อนรุ่มต่อไปอีกนาน และไม่ง่ายที่จะหาหนทางดับได้ **ใครๆก็รู้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังคอยชักใยให้สามเกลอ มาหารือกับรัฐบาลครั้งนี้ คือ แม้วหน้าเหลี่ยม และการเรียกร้องให้รัฐบาลถ่ายทอดสดการเจรจาในครั้งนี้ด้วย ก็เท่ากับเป็นการส่งลูกน้องไปตายกลางอากาศ ต้องยอมรับว่า แม้การเจรจาจะไร้ผล แต่งานนี้ เปิดโอกาสให้ อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ โชว์ออฟ ภาวะความเป็นผู้นำประเทศไปอย่างเต็มภาคภูมิ นายกฯอภิสิทธิ์ ได้รับดอกไม้จากผู้ชมไปอย่างท่วมท้น แต่สามร่างทรงนักโทษหน้าเหลี่ยม กลับได้รับก้อนหินไปเต็มๆ **จน เกิดมีบัญญัติคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นในแวดวงสังคมสื่อ ว่า เหวงๆ อันหมายถึงคนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง ไร้สาระ เข้ารกเข้าพง หรือบางคนอาจเล่นแรงเปรียบเทียบในสิ่งที่คนรักหมาไม่ปลื้ม ว่า เห่าไปวันๆ แต่มีคนเดียวที่ชอบอกชอบใจ ชื่นชมผ่านฟ้ามาว่าทำได้ดี คือ นักโทษหน้าเหลี่ยม สมกับคำที่ว่า ลูกน้องเป็นอย่างไร ให้ดูนายเป็นแบบอย่าง จึงไม่แปลกที่ยังเห็น นักโทษหน้าเหลี่ยม ออกอาการเหวงๆ ผ่านทวิตเตอร์ และโฟนอิน มายังพลพรรคคนรักเสื้อแดงอยู่ต่อเนื่อง **หนีไม่พ้นที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องทนแบกแอกอันหนักอึ้งไว้บนหลังแล้วลากเดินต่อไปอย่างทุลักทุเล เพราะนอกจากจะแบกรับปัญหาของกลุ่มคนเสื้อแดง และคนไทยทั้งหมด 60 กว่าล้านแล้ว ยังรวมไปถึงปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ฉวยโอกาสหยิบเอาปมเงื่อน การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำท่าจะประสบความสำเร็จเข้าจนได้ แม้ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์จะยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ขอร่วมสังฆกรรม ชำเรารัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างหัวเด็ดตีนขาด แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงยามนี้ เห็นทีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องคิดหนัก เพราะหนีไม่พ้นโดนพรรคร่วมลากเข้ามาให้เล่นเกมนี้ด้วย **ทางออก ของพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเสนอออฟชั่น ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะตัดสินใจยุบสภา หันไปหยิบ 6 ประเด็นที่คณะกรรมการสมานฉันท์เคยศึกษาเอาไว้มาปัดฝุ่นใหม่ หวังจะต่อลมหายใจให้กับรัฐบาลได้อีกเฮือกหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงขีนเส้นตายว่า นายกฯอภิสิทธิ์ จะต้องให้คำตอบว่า **จะยุบ ไม่ยุบ โดยเร็วพลัน หลังเปิดโต๊ะเจรจาเปิดหน้าไพ่ให้เห็นจุดยืนของแต่จะฝ่าย แต่เมื่อมันไร้ผล ยุทธศาสตร์อีกอันหนึ่งที่รัฐบาลเตรียมใช้ก็คือ การใช้เวทีรัฐสภา ดึงปัญหาความขัดแย้งมาพิจารณา จากสมาชิกทั้งฝ่ายสภาผู้แทนราษฏร และสมาชิกวุฒิสภา โดยเฉพาะฝ่ายค้าน จากพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องลากให้มาเข้าร่วมวงกับเกมนี้ด้วย **ไม่ใช่มา เหวงๆ กันอยู่ข้างถนนไปวันๆ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว ตอนนี้ไพ่หมดทั้งหน้าตัก ถูกเทไปที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงเกือบหมดสิ้น โดยฝากความหวังว่าจะกดดันรัฐบาลได้สำเร็จ ส่วนที่เหลือก็คือเล่นไปตามเกมที่ประเมินวันต่อวัน ไร้ยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรม แม้จะมีการประกาศใช้มาตรการเปิดเวทีอภิปรายรัฐบาลนอกสภา บวกกับการไม่เข้าร่วมประชุมสภา โดยอ้างว่าไม่อาจทนกับสภาพการมุดลอดลวดหนาม ฝ่าดงท้อปบู๊ท ของทหารเข้าไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีไม่ได้ เพื่อหวังกดดันรัฐบาล และสร้างบรรยากาศของสภานิติบัญญัติให้ดูวิกฤติ ทำให้สายตาของประชาชนภายนอกมองว่า สภากำลังอยู่ในสภาวะย่ำแย่ จนยากที่เดินหน้าต่อไปได้อีก ผนวกกับกระแสโหมโรงกดดันสารพัดวิธีของกลุ่มเสื้อแดง ไม่ว่าจะการใช้มือสกปรกยิงระเบิดตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองกรุง และมีแนวโน้วว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อข้อเรียกร้องให้ยุบสภา ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายรัฐบาล ทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่คิดที่จะฝากความหวังว่า การใช้เวทีรัฐสภาจะหาทางออกของประเทศได้จริง เพราะรู้ธาตุแท้ของพลพรรคนักโทษหน้าเหลี่ยม เป็นอย่างดี ไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไหน ก็ที่เวทีเจรจาทั้งสองฝ่ายที่ผ่านมา ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดแล้ว การเปิดเวทีเจรจาในสภา น่าจะเอวังด้วยการก่อสงครามสาดน้ำลายใส่กันเท่านั้น **ส่วน ปัญหาหนามยอกอก อย่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็เป็นแค่เสี้ยนตำเท้า เจ็บๆ คันๆ แต่ไม่ทำให้ถึงกับตาย ยิ่งแกนนำพรรคร่วมหลายคนออกมาแบะท่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ยิ่งทำให้พรรคประชาธิปัตย์สบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง ยิ่งมีการเรียกร้องให้ยุบสภาโดยเร็วที่สุดมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นยันต์ชั้นดีให้พรรคร่วมต้องยอมกอดคอกันแหววกับประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะทุกพรรคยังต้องขอเวลาหายใจในการเร่งสะสมกระสุนดินดำ เพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จากเม็ดเงินในโครงการต่างๆ และยังจะเค้กชิ้นโตจากการจัดงบประมาณปีหน้าที่จอคิวเข้าสภาในอีกไม่กี่เดือน นี้ สรุปได้ว่า การเปิดโต๊ะเจรจากับเสื้อแดง อภิสิทธิ์ และปชป.ฟาดไปสองเด้ง ทั้งได้ชูภาพภาวะผู้นำของนายกฯอภิสิทธิ์ แล้วยังทำให้พรรคร่วม ว่านอนสอนง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะกลัวอภิสิทธิ์ยุบสภาแล้วจะอดอยากปากแห้ง **เหลือแต่การบ้านของพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานี้ คือ การกำจัดพวกมือสกปรกที่ซุมยิงระเบิดตามจุดต่างๆรายวันนี้ได้อย่างไร หากปล่อยให้เกิดภาวะอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ประชาชนจะเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการทำงานของรัฐบาล และอาจจะมองว่า พรรคประชาธิปัตย์เริ่มบริหารงานเข้าอีหรอบเดิมๆ คือลอยตัว พลิ้วไหว หลบหนีปัญหา จะปล่อยมือให้ประชาชนต้องเผชิญกับความหวาดระแวง ความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองไปวันๆหรืออย่างไร เพราะหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นแค่น้ำจิ้มตัวอย่างที่กลุ่มแดงถ่อย ต้องการโชว์อานุภาพให้เห็นเท่านั้น แต่เมื่อใดที่ต้องการ เอาจริง อาจจะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็เป็นได้ และนี่ก็เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ควรจะระดมกำลัง สมองช่วยกันติดหาทางปกป้องแก้ไข ว่ารัฐบาลจะปฏิบัติการเชิงรุกกับกลุ่มเสื้อแดง มากว่าการตั้งรับเหมือนที่ผ่านๆ มาได้อย่างไร **ไม่ใช่ คอยหลบอยู่ใต้ร่มเงาบารมีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ! |
|
|
เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :- |
|
|
|
|
|
|