เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 10 มี.ค.นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม. และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะมีการยิงมัสยิด 7 แห่งใน กทม.แล้วโยนความผิดให้กลุ่มเสื้อแดงว่า ส.ส.กทม. ทราบข่าวและไม่สบายใจที่มีการนำเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอให้ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาเปิดเผยว่าใครเป็นคนวางแผนชั่ว ถ้าพูดแบบไม่มีหลักฐาน เอาแค่เป็นประเด็นการเมืองก็ขอร้องว่าอย่านำเรื่องศาสนามาเป็นเครื่องมือ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีพระสงฆ์ 2 หมื่นรูปมาร่วมชุมนุมด้วย
นายสมัย กล่าวด้วยว่า ล่าสุดนายอรุณ บุญชม ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพ ได้ส่งหนังสือเวียนด่วนที่สุด ที่ กอ.กทม. (01)399 ว/2553 ถึง อิหม่ามประจำมัสยิดในกทม. 189 แห่ง เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยกันเฝ้าระวังเหตุ บริเวณมัสยิดและชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนช่วงเม.ย.52 ที่ผ่านมา
หมอนิรันดร์ชี้กก.สิทธิจับตาสถานการณ์ชุมนุมใกล้ชิด
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมุนษยแห่งชาติ ในฐานะ ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง ของคณะกรรมการสิทธิฯ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือของกลุ่มเยาวชนศึกษาสันติวิธีกว่า 20 คนที่แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จะเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า จากการประชุมร่วมกันของกลุ่มเยาวชนกับทางอนุกรรมการฯ เห็นว่า เมื่อรัฐบาลตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กฎหมายฉบับนี้โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการแถลงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และนายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกรัฐบาล ที่ระบุว่าพร้อมจะเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมถือว่าเป็นเรื่องดี และทำให้ตนค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินการใช้กฎหมายฉบับนี้ภายใต้สิทธิ ชุมชนและสิทธิการชุมนุม ทั้งนี้รัฐบาลก็ต้องดูแลให้การชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ป้องกันมือที่ 3 ที่อาจเข้ามาก่อให้เกิดความรุนแรง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับชาวชุมชนนางเลิ้ง เมื่อคราวสงกรานต์ปีที่แล้ว และรัฐบาลควรมีการประกาศมาตรการดูแล และคุ้มครองหากมีเหตุการณ์รุนแรงให้ประชาชนทราบล่วงหน้าว่าหากเกิดเหตุดัง กล่าวจะมีมาตรการจัดการอย่างไรบ้าง
น.พ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบต่อกระบวนการและท่าทีที่อาจจะนำไปสู่ความ รุนแรง เช่นในเรื่องการปราศรัย ซึ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือสื่อวิทยุชุมชนที่ต้องไม่มีการพูดปลุกปั่น รวมทั้งต้องไม่ละเมิดสิทธิสาธารณะ โดยผู้ชุมนุมต้องทำให้สังคมไทยเห็นว่าสิทธิการชุมนุมโดยสงบสามารถทำได้ ไม่ใช่เป็นชุมนุมที่ยึดแต่เรื่องแพ้ชนะ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็จะนำสังคมไทยเข้าสู่สงครามกลางเมือง และการจลาจล ที่ผู้ชุมนุมจะต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้อยากเรียกร้องให้ประชาชนที่เป็นพลังเงียบตื่นตัวและเฝ้าระวังให้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง โดยทำตัวเป็นอาสาสมัครแจ้งเหตุให้ราชการทราบในกรณีที่เกิดเหตุไม่ชอบมาพากล เพื่อให้สามารถระงับเหตุได้ทัน ไม่ใช่พาตัวเองเข้าไปสู่ความรุนแรง
อย่างไรก็ตามในส่วนของคณะกรรมการสิทธิ ก็จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในวันนี้ ( 11 ) จะมีการประชุมสำนักงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะ เกิดขึ้น และในวันที่ 12 มี.ค. ที่นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็จะมีการประชุมด่วน และออกเป็นแถลงการณ์ถึงท่าทีของของคณะกรรมการสิทธิต่อสถานการณ์ที่จะเกิด ขึ้น
เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงควบคู่กับกฎหมายอื่น อีก 18 ฉบับคิดว่าเพียงพอให้รัฐบาลไม่ต้องประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า บอกไม่ได้ 100% เพราะเราประเมินไม่ได้ว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงหรือเปล่า แต่จากข้อมูลที่กรรมการสิทธิได้รับนั้นตรงกับที่รัฐบาลมี คือมีผู้ไม่หวังดีเยอะ การชุมนุมในอดีตเราไม่เคยเห็นว่ามีการใช้ระเบิดเยอะ มีการค้นจับกุมอาวุธสงครามในบ้านพักได้มากขนาดนี้ ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้ชุมนุมด้วยว่าจะยอมรับกติกาและแนวทางสันติ วิธีหรือเปล่า
เมื่อถามต่อว่ากรรมการสิทธิจะวางบทบาทอย่างไรให้คนเสื้อแดงไม่ รู้สึกว่าเข้าข้างรัฐบาล น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า กรรมการสิทธิเป็นองค์กรอิสระ การชุมนุมถ้าทำโดยสันติวิธีก็ถือว่าไม่ละเมิดสิทธิ แต่ถ้าใช้สิทธิเกินขอบเขตกรรมการสิทธิก็ยอมไม่ได้ เพราะอย่างนั้นเรียกว่าเป็นอนาธิปไตย ซึ่งการใช้มวลชนมาก แล้วไปยึดตรงนั้นตรคงนี้มันไม่ใช่เรื่องการใช้สิทธิ แต่มันเป็นการละเมิดสิทธิ
สุขุมพันธุ์เตรียมเดินสายให้กำลังใจชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 11 มี.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) จะเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่เพื่อความเรียบร้อย รวมทั้งให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ต่างๆ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค. โดยในเวลา 08.30 น. ตรวจเยี่ยมพื้นที่ เขตพระนคร เขตธนบุรี ชุมชนตลาดนางเลิ้ง ชุมชนดุสิต แฟลตดินแดง ซึ่งทั้ง 3 ชุมชนถือเป็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของ กลุ่มเสื้อแดงเมื่อ เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว จากนั้นในเวลา 13.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตบางเขน และเขตบางนา
รุกสอนเยาวชนรู้สามัคคีแก้สังคมแตกแยก
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม(ศูนย์คุณธรรม) กล่าวภายหลังการประชุมโครงการส่งเสริมศาสนิกสัมพันธ์ในสถานศึกษา ว่า ศูนย์คุณธรรม ได้ร่วมกับ มุขนายกยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประมุขสังฆมณฑลนครราชสีมา และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษา มีความเห็นว่า ขณะนี้ในประเทศไทยมีความไม่เข้าใจกัน แยกพวกพ้อง เกิดปัญหาการตีกัน ซึ่งบางครั้งมีการเชื่อมโยงศาสนาเข้าไปเป็นชนวนทำให้เกิดความแตกแยก จึงจำเป็นจะต้องให้เด็กและเยาวชนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าใจวิถีปฏิบัติของแต่ละศาสนาในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี
จึงได้จัดโครงการส่งเสริมศาสนิกสัมพันธ์ในสถานศึกษาขึ้นในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษาคม 2553 โดยนำเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สถาบันอุดมศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร และเด็กในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาใช้ชีวิตร่วมกัน ตลอดจนศึกษาวิถีชีวิตทางศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเรียนรู้ว่า ปัญหาความแตกแยกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาจากสาเหตุที่คนขาดคุณธรรมจริยธรรม ด้วย
น.ส.นราทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ศูนย์คุณธรรม ตั้งความหวังว่า จะทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้สามารถนำองค์ความรู้แนวทางการจัดกิจกรรมศาสนิก สัมพันธ์ไปขยายผลในสถานศึกษาอย่างน้อย 6 แห่ง จำนวน 120 คน และสร้างเครือข่ายอย่างน้อยอีก 8 แห่ง จำนวน 480 คน ที่สามารถทำหน้าที่สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามในสถาบันการศึกษา อีกทั้ง ทำให้นักเรียน นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจยอมรับความแตกความหลากหลายทางความคิดนำไปสู่การ ดำเนินชีวิตให้สังคมสงบสุข
ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่คนขาดคุณธรรม จริยธรรม รวมถึงมีการเชื่อมโยงศาสนาให้มาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของศาสนิกชน หากเราไม่สร้างความรู้ให้เด็กเข้าใจความหลากหลาย รู้ว่าแต่ละศาสนาสามารถอยู่กันได้อย่างสันติสุข ปราศจากความขัดแย้ง เกิดความสามัคคี จะทำให้สังคมไทยเกิดความสงบสุขในขึ้นในอนาคตผอ.ศูนย์คุณธรรม กล่าว