หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
ทักษิณลั่นอย่าหวังสงบ/ “บุญจง”ย้ำพท.รับใบสั่งขนคนบุกกรุง/เคทองเผ่นตะวันออกกลาง

ทักษิณลั่นอย่าหวังสงบ/ “บุญจง”ย้ำพท.รับใบสั่งขนคนบุกกรุง/เคทองเผ่นตะวันออกกลาง

ที่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 มี.ค.53 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงในขณะนี้ว่า ในช่วงบ่ายจะมีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง(คตม.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และทบทวนถึงมาตรการทั้งหลายที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรที่ ต้องแก้ไข และจะได้มีการซักถามถึงอุปสรรคในการที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีการ กระทำหรือพฤติกรรมที่จะเป็นอันตราย อย่างเช่น นายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ “เคทอง” ที่ เป็นคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือคนที่พูดปลุกระดมตามสถานีวิทยุเพื่อให้ลุกขึ้นมาก่อเหตุนั้น อย่างนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา

                นาย สุเทพ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคตม. จะยังไม่มีการหารือเพื่อออกกฎหมายพิเศษเพื่อมาดำเนินการกับกลุ่มเสื้อแดง จะใช้กฎหมายธรรมดา ซึ่งการประชุมคตม.บ่อยขึ้นนั้นยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่เริ่มเข้มข้นขึ้น ทำให้ต้องหาทางรับมือไว้ก่อน

                ผู้ สื่อข่าวถามว่า การประกาศของนายพรวัฒน์ที่จะก่อเหตุต่างๆ จะมีน้ำหนักแค่ไหนที่จะเป็นจริง นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ประเมินว่าจะมีน้ำหนักแค่ไหน แต่การกระทำดังกล่าวนั้นเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยเฉพาะนายเคทองนี้ เป็นคนที่เจ้าหน้าที่เคยไปตรวจค้นอาวุธที่บ้านและเจอกระสุนปืนซึ่งก็ผิด กฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้มามอบตัวและประกันตัวออกไปแต่หากประกันตัวออกไปแล้วยังไปทำความผิด ไปก่อเหตุจนเกิดความวุ่นวายอีก ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะไปตามตัวมาและถอนประกันไป ซึ่งก็เป็นขั้นตอนตามกฎหมาย

                - “สุเทพ”งัดกม.จราจรปราบ

                เมื่อ ถามว่า วันที่ 14 มี.ค.จะรับมืออย่างไร เพราะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บอกว่าจะให้นำรถมาจอดบนถนนแล้วเดินเข้ามาชุมนุม เพื่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดไปทั่วกรุงเทพฯ นายสุเทพ กล่าวว่า จะใช้กฎหมายจราจรเป็นเครื่องมือ ถ้ามาจอดรถเกะกะ มาจอดในที่ที่ไม่อนุญาตให้จอด ก็จะให้รถยกลากไปเก็บที่อื่น หากเกิดความเสียหายจะมาเรียกร้องจากตนไม่ได้ และบริษัทประกันภัยจะจ่ายหรือไม่ก็ไม่ทราบ ถ้ามีรถเป็นหมื่นเป็นแสนคัน ก็จะเตรียมรถยกเป็นเป็นหมื่นเป็นแสนคันเช่นกัน เตรียมไว้จนพอ และอาจจะลากไปจอดที่ดอนเมือง ที่พูดไม่ได้เป็นการขู่ แต่บอกว่าจะนำรถมาเกะกะไม่ได้ เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าวันที่ 14 มี.ค.รัฐบาลจะเอาอยู่ ไม่เหมือนกับเหตุที่เกิดในเดือนเม.ย.อีก รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลต้องเอาบ้านเมืองให้อยู่ให้ได้

                -แจงสภาไม่มีบัญชีแกนนำ

                วัน เดียวกัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เรื่องการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนในประเด็นกระแสข่าวรัฐบาลขึ้นบัญชีดำ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เครือข่ายทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย 212 รายชื่อ โดยมีพระระดับพระมหาเถระถึง 11 รูป อาทิ พระธรรมกิตติเมธี วัดสัมพันธวงศ์ 2.พระธรรมสุธี วัดมหาธาตุ พระธรรมโกศาจารย์ วัดประยูรวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ พระธรรมสิทธินายก วัดสระเกศ เป็นต้น ถือเป็นการแบ่งแยกระหว่างศาสนจักรกับอาณาจักร นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการระบุว่ามีการขนเงินจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อล้มคดีบางคดี ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นจริงหรือไม่ มีแต่การพูดฝ่ายเดียวจากคนของรัฐบาล

                จาก นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่มีการปรากฏอยู่ในสื่อสาธารณทั่วไป ไม่เคยเห็นรายชื่อพระมหาเถระเหล่านี้ ไม่ทราบส.ส.เชาวรินเอาบัญชีนี้มาจากไหน ข้อเท็จจริงคือไม่มีการทำบัญชีรายชื่อบุคคลเฝ้าระวัง 212 คน ไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่มีหน่วยงานไหน ได้มีการตรวจสอบหน่วยความมั่นคงทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ มีแต่บุคคลที่อยู่ฝ่ายเดียวกับท่าน เอาเรื่องนี้มาพูดทุกวันไม่ทราบว่าเอามาจากไหน         

                -อ้างรัฐบาลรู้จัก “บาป-บุญ”

                “ใคร เป็นลูกศิษย์กับพระคุณเจ้าเหล่านี้ ฝากกราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้มีการกระทำเหล่านั้น รัฐบาลรู้จักว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควร อันไหนเป็นบาป ทหารไม่มีการคุกคามพระคุณเจ้า ท่านเอาบัญชีที่พวกท่านอ้างว่า เอามาให้ผม และผมจะไปกราบนมัสการทุกวัดเพื่อกราบเรียนข้อเท็จจริง”

                นาย สุเทพ กล่าวด้วยว่า แม้จะไม่มีการทำบัญชี แต่ก็มีการติดตามบุคคลที่มีประวัติคดีเคยทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายเช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพราะมีการพูดที่ต่างๆ ชักชวนให้มาเผาสถานที่ราชการ จับลูกเมียคณะรัฐมนตรีเอามาเป็นตัวประกัน มีการบันทึกเทปเอาไว้ มีข้อความชัดเจน แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ไม่ทำถือว่าละเว้น ไม่ได้แค่จะตามเท่า นั้น แต่ถ้าเข้าองค์ประกอบเมื่อไหนจับแน่นอน หรือ “เคทอง”จะเอาตัวมาดำเนินคดีเช่นกัน รวมไปถึงกรณีของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ด้วย

                -ปล่อยนายกฯไปเมืองนอก     

                นาย สุเทพ ยังกล่าวกรณีกำหนดการนายกฯ จะเดินทางไปออสเตรเลีย วันที่ 14-16มี.ค. ซึ่งตรงกับการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงว่า นายกฯ ก็คงต้องปฏิบัติภารกิจตามปกติต่อไป บ้านเมืองเราต้องเดินหน้าต่อไป จะหยุดไม่ได้ ส่วนที่มีข่าวว่านายกฯเลื่อนการเดินทางแล้วนั้น ขณะนี้ตนเองยังไม่ทราบ

                -ประชุมคตม.หารือเรื่องจร.

                พล.ต.ดิฏฐ พร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) แถลงข่าวภายหลังรองนายกฯสุเทพเรียกประชุมคตม.โดยระบุว่า ในที่ประชุมไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วงประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งนายสุเทพได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจแห่งชาติกับทางกทม.ไปร่วมกันพิจารณา แนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรในช่วงการชุมนุม เพราะคาดว่าจะมีการนำยานพาหนะและประชาชนมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องการประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงไม่ได้มีการพูดถึง อย่างไรก็ตามนายสุเทพบอกว่าจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

                -ปูดส.ส.1คนต่อรถ100คัน

                ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าการก่อเหตุวางระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุดนั้น เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ว่า เป็นสิทธิ์ของคนพูด แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ใครจะวิเคราะห์หรือพูดอะไรถือเป็นสิทธิ์ แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบ ถ้าพบว่าใครทำผิดก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อน้ำเงินจะออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้หรือไม่ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศนัดชุมนุมในวันดังกล่าว นายบุญจง กล่าวว่า ไม่มี แต่ถ้าใครจะใส่เสื้อสีน้ำเงินออกมาเคลื่อนไหวนั้น ตนก็ไม่ทราบ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็ต้องติดตามเฝ้าดูการเคลื่อนไหวในแต่ละจังหวัด

                เมื่อ ถามว่า ได้กำชับในส่วนของภูมิภาคให้เข้มงวดในการเฝ้าดูแลมากขึ้นหรือไม่เพราะกลุ่ม เสื้อแดงประกาศแล้วว่าจะให้แต่ละจังหวัดคุมกันเอง นายบุญจง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด นายอำเภอ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกทม. ส่วนจังหวัดที่เคลื่อนไหวผิดปกติ        จะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ที่มีการนัดหมายใช้รถปิกอัพ โดยกำหนดสัดส่วน ส.ส.1 คน ต่อรถอย่างน้อย 100 คัน

                เมื่อ ถามว่า ที่ระบุว่าส.ส. 1 คน ต่อรถอย่างน้อย 100 คันนั้น หมายถึงว่าเป็นจำนวนรถที่ส.ส.ต้องจัดหามาใช่หรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทราบเขากำหนดแผนงานอย่างนั้นว่า ส.ส.จะรับผิดชอบอะไร อย่างไร

                -ห่วงสถานการณ์เปราะบาง

                ที่ กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือนมี.ค. ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งทุกฝ่ายตระหนักดีว่าสถานการณ์กำลังเดินมาถึงจุดที่มีความล่อแหลมต่อความ มั่นคงของประเทศโดย ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยไปชี้แจงสร้างความเข้าใจกับกำลังพลและ ครอบครัวในจุดยืนและบทบาทของกองทัพบกที่ยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็น สำคัญ ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย

                เมื่อ ถามว่า ผบ.ทบ.ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ ที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า พูดในภาพรวมว่าตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.เป็นต้นไป เป็นช่วงที่สถานการณ์เปราะบาง และแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์และบอกให้ผู้บังคับหน่วยทุกคนให้ติดตามข้อมูล และสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนการทำงานของทหาร เราทำงานในการตั้งจุดตรวจในพื้นที่สำคัญรวมถึงพื้นที่ล่อแหลมต่างๆ และเส้นทางคมนาคม ซึ่งผบ.ทบ.บอกให้หน่วยทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องรับทราบว่าพื้นที่ที่ล่อแหลมใน กทม. กองทัพภาคที่ 1 จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ส่วนหน่วยงานอื่นในกองทัพบก เช่นกองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 3 กองทัพภาคที่ 4 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ม.2รอ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ(นปอ.) ของกองทัพบก ให้เตรียมความพร้อม เพราะอาจจะมีการขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเติม

                -ยันไม่สกัดกั้นปชช.เดินทาง

                เมื่อ ถามว่า แต่ละกองทัพภาคจะมีการสกัดประชาชนที่จะเข้ามาชุมนุมหรือไม่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า หลักสำคัญคือการดูรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยจะไม่มีการสกัดกั้นการเดินทางของประชาชน แต่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สัญจรไปมาเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ผบ.ทบ.กล่าวถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในหน่วยที่ตั้งของทหาร เพราะเป็นความห่วงใยจากสภากลาโหมและรัฐบาล ซึ่งผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยกวดขัน และให้ผู้บังคับหน่วยรับผิดชอบดูแลที่ตั้งของหน่วยทหาร เพราะเป็นสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ผบ.ทบ.ต้องการให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนการรักษาความปลอดภัยบุคคลที่เป็นผู้บังคับบัญชาในระดับสูงหรือผู้บังคับ หน่วยเป็นไปตามปกติ แต่ท่านให้เน้นเรื่องที่ตั้งหน่วยทหารมากกว่า

                -เสื้อแดงตั้งเวที6จุด

                ด้าน นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำจากส่วนกลางได้ลงพื้นที่ประสานงานเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมแต่ ละภูมิภาคโหมโรงก่อนชุมุนมใหญ่โดยวันที่ 5 มี.ค.พื้นที่ภาคอีสานจะจัดกิจกรรมที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา ค่ำวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิ้งค์มาด้วย 7 มี.ค.จัดเวทีที่ จ.ระยอง 8 มี.ค.ภาคกลาง จ.อ่างทอง 9 มี.ค.ภาคเหนือ จ.แพร่ เมื่อถึงวันที่ 10 มี.ค.จะหยุดความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมความพร้อมเคลื่อนขบวนเข้ากทม.โดยในวัน ที่ 12 มี.ค. ภาคเหนือจะเดินทางมารวมพล จ.นครสวรรค์ ภาคอีสานที่ จ.นครราชสีมา ภาคตะวันออกและตะวันตกอาจเคลื่อนขบวนเข้าสู่กทม.ในช่วงเช้ามืดวันที่ 14 มี.ค.

                นอก จากนี้วันที่ 12 มี.ค.กทม.จะมีการจัดเวที 6 จุดคือบริเวณอนุสาวรีย์ปราบกบฎ ย่านหลักสี่ สน.ทุ่งสองห้อง สี่แยกบางนา สวนลุมพินี สามเหลี่ยมดินแดง และวงเวียนใหญ่บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ส่วนการตั้งเวทีใหญ่บริเวณแยกผ่านฟ้าจะหันหลังให้ป้อมพระกาฬตามชัยภูมิ ส่วนเป้าผู้ชุมนุมตั้งไว้ที่ 1 ล้านคน

-ธปท.สั่งแบงก์ตุนเงินฉุกเฉิน

                วัน เดียวกัน นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ขณะนี้ธปท.ยังให้ธนาคารพาณิชย์เตรียมแผนการสำรองเงินสดเพิ่มขึ้นจากกรณีปกติ ที่ต้องมีปริมาณเพียงพอในระยะ 2-4 เดือน แต่ก็ไม่ได้ให้เตรียมเพิ่มระดับ 100% แค่ให้เพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง เพราะธปท.ต้องการให้ปริมาณเงินสดหมุนเวียนเพียงพอ สำหรับรองรับความต้องการเบิกจ่ายของประชาชน

                “แม้ ว่าในช่วงที่ศาลมีการตัดสินคดียึดทรัพย์จะผ่านไปด้วยดี ปริมาณเงินสดหมุนเวียนเพียงพอก็ตาม แต่ธปท.ยังต้องการให้คงแผนการจัดการธนบัตร ในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ต่อไปอีกระยะ เพื่อจะได้เตรียมการให้พร้อมในการรับมือกับกรณีฉุกเฉินจากการชุมนุมทางการ เมืองที่จะมีขึ้นอีกในช่วงสัปดาห์หน้า”

                -ปทีปรับลูกสั่งเข้มชีวิตครม.

                วัน เดียวกัน พล.ต.ท.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีข่าวข่มขู่ทำร้ายรัฐมนตรีและครอบครัวว่า มีคำสั่งให้ผบช.ทุกพื้นที่วางมาตรการและออกแผนเพื่อรักษาความปลอดภัยบุคคล สำคัญ บ้านพัก ที่อยู่ในข่ายเป้าหมายก่อความวุ่นวาย ในส่วนของคณะรัฐมนตรีทุกท่านมีนายตำรวจติดตาม มีจักรยานยนต์นำขบวนเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยปกติอยู่แล้ว สำหรับบ้านพักเป็นหน้าที่ของสถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่จัดกำลังดูแลความ ปลอดภัย แต่เมื่อมีข่าวการทำร้ายร่างกายได้เพิ่มมาตรการณ์เข้มเป็นพิเศษ หากมีการร้องขอจากรัฐมนตรีท่านใดจะจัดเสริมกำลังเข้าไปในอีก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องขอกำลังเพิ่มเติมเข้ามา

                -อนุมัติหมายจับ “เคทอง”

                ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีขออนุมัติหมายจับ นายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ “เคทอง” คน สนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ลาดกระบัง นำพยานหลักฐานทางคดีที่สืบสวนรวบรวมไปขออนุมัติศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อ อนุมัติออกหมายจับ

                โดย ศาลศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับนายพรวัฒน์ใน 2 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 อนุ 2 กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อการแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ ประชาชนถึงขนาดจะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และข้อหาขู่เข็ญให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ จากกรณีที่เคทองโพสต์คลิปวิดีโอลงในเว็บแคมฟร็อกว่าจะเกิดเหตุระเบิดธนาคาร ขึ้น 4 สาขา

                -หนีกบดานตะวันออกกลาง

                พล.ต.ต .อำนวย กล่าวต่อว่า จากแนวทางการสืบสวนมีรายงานแน่ชัดแล้วว่า นายพรวัฒน์ไม่ได้กบดานในพื้นที่กทม.อย่างแน่นอน คาดว่าจะหลบหนีไปในพื้นที่อื่นแล้ว แถวตะเข็บชายแดน ฉะนั้นเพื่อง่ายต่อการคลี่คลายคดี มีแนวโน้มที่จะโอนคดีนี้ให้ บช.ก.เป็นผู้ดำเนินการต่อโดยเพราะมีอำนาจสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศ

                รายงาน ข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง แจ้งว่า จากการสืบสวนของตำรวจสันติบาลทราบว่านายพรวัฒน์เดินทางออกนอกประเทศไปก่อน หน้าแล้ว ภายหลังพนักงานสอบสวนให้ประกันตัวเมื่อเดือนก่อน โดยไปพำนักอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลางกับนายทุนใหญ่คนหนึ่ง พร้อมด้วยเสธ.ชื่อดังคนหนึ่ง โดยเดินทางออกทางตะเข็บชายแดนฝั่งกัมพูชา จากนั้นได้โพสต์ข้อความจากต่างประเทศบนเว็ปไซด์ในประเทศไทยเข้ามาอย่างต่อ เนื่องเพื่อสร้างความปั่นป่วนสับสนวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายหลังศาลพิพากษา ตัดสินคดียึดทรัพย์อดีตนายกฯทักษิณ

                - “เสธ.แดง”อยู่ดูไบ

                ขณะ ที่ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงคดี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ยังไม่ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ ครบกำหนดนัดรายงานตัวของพล.ต.ขัตติยะ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด จากนี้ไปพนักงานสอบสวนจะให้เวลาพล.ต.ขัตติยะภายใน 7 วัน เพื่อให้มารายงานตัว หากยังไม่มาทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาออกหมายเรียกให้เข้ามาพบอีกครั้ง หากหมายเรียกครบ 2 ครั้ง ก็จะพิจารณาออกหมายจับตามกฎหมายต่อไป

                ต่อ มา ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังพล.ต.ขัตติยะ เพื่อสอบถามถึงคดีและเรื่องคดีของนายพรวัฒน์ ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ที่ดูไบ ขอให้รีบวางสายเพราะค่าโทรศัพท์แพง เมื่อพูดจบ พล.ต.ขัตติยะ ก็วางโทรศัพท์ทันที ฃ

               -ทักษิณกร้าวอย่าหวังเห็นความสงบ

                ช่วงค่ำวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ทางสถานี “พีเพิลชาแนล” ของ คนเสื้อแดงว่า โดยระบุว่า การปฏิวัติยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แค่เปลี่ยนตัวนักแสดงแต่คนชักใยยังเป็นคนเดิม เพราะอำนาจคำสั่งคุ้มครองคณะปฏิวัติยังอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 39 อ้างถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 เป็นการคุ้มครองอำนาจเผด็จการ เพราะได้รับคำสั่งจากอำมาตย์ ที่ปกป้องอีกฝ่ายไว้ชัดเจน เพียงแค่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบเท่านั้นเอง 

พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวอีกว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญ ม.309 เพราะต้องการที่จะมีอำนาจจัดการต่อ ดำเนินการจนกว่าไม่มีเสื้อแดงฉะนั้นอย่าหวังจะได้เห็นความสงบเกิดขึ้นกับ ประเทศเลย เพราะคำๆ เดียวคือความไม่ยุติธรรม โกหกไปเรื่อย แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว บ้านเมืองจะจัดการได้ง่ายๆ อย่างในอดีตคงไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนรับรู้มากขึ้นทุกวัน ไม่ยอมให้ใช้วิธีการแบบเดิมรังแกต่อไปอีกแล้ว                            

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คระบุถ้าเป็นตนจะตัดสินยึดทรัพย์ทั้งหมด ว่า “วัน นี้นายกรณ์บอกถ้าเป็นผม จะยึดให้หมด แต่ตอนพ่อนายกรณ์ขายหุ้นเจเอฟธนาคม (บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เจเอฟธนาคมกว่า 6 ล้านหุ้น เมื่อปี 2543) พ่อนายกรณ์ก็ไม่ได้เสียภาษี มีการรายงานมา ไม่เชื่อลองถามเนวิน (ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน) แต่วันนี้เป็นพวกเดียวกันแล้ว”

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185