สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปพักค้างคืนที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ตรงบริเวณด่านผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ที่ผู้คนแถวนั้นเรียกสั้นๆ ว่า...ด่านนอก
ด่านแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 60 กม. ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที เดินทางสะดวกสบาย เป็นด่านที่มีคนมาเลย์เข้าออกวันละเป็นพันเป็นหมื่นคน คึกคักมากๆ เงินทองหมุนเวียนในย่านนี้ปีละหลายหมื่นล้าน (ผู้ประกอบการในพื้นที่ประเมินว่าอาจเป็นแสนล้านบาทเลยทีเดียว)
ขณะนี้ด่านนอกได้กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่างน่าสนใจมากแห่งหนึ่งของภาคใต้ ขนาดพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของเหล่าบรรดาสถานประกอบการหลากหลายประเภทธุรกิจ แม้ว่าจะไม่ใหญ่โตกว้างขวางเหมือนตัวเมืองหาดใหญ่ แต่บัดนี้ได้กลายเป็นเมืองที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียส่วนใหญ่นิยมอยู่เที่ยว กิน ดื่ม และบันเทิงเริงรมย์ มากกว่าที่จะตีรถเข้าเมืองหาดใหญ่เหมือนในอดีต
ด่านนอก ณ เวลานี้จึงสุดจะคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาว มาเลย์ โดยเฉพาะผู้ชายชาวมาเลย์ข้ามมาเที่ยวในช่วงวันพฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ หนาแน่นทุกตรอกซอกซอยของด่านนอก
โรงแรมที่พักซึ่งมีมากกว่า 30 แห่งแน่นเต็มหมด ที่แห่งนี้ไม่มีช่วงไฮซีซันหรือโลว์ซีซัน ทุกสัปดาห์ทุกเดือนตลอดปีมีแขกเข้าพักอย่าง สม่ำเสมอ 80-100% ทุกแห่ง ยิ่งในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว เหล่าบรรดาเจ้าของที่พักทั้งหลายเบิกบานรับทรัพย์ถ้วนหน้า เพราะปรับราคาขึ้นลงตามสภาวะตลาดแต่ละช่วงได้อีกต่างหาก หลายแห่งลงทุนก่อสร้างเป็นร้อยล้านบาท แต่สามารถทำกำไรคืนทุนได้ภายในเวลาแค่ 4-5 ปีเท่านั้น
ธุรกิจที่นั่นเริ่มต้นหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว กิจกรรมหลักเป็นเรื่องของบันเทิงล้วนๆ เงินทองสะพัดดีเหลือเกิน คงไม่ต้องอธิบายว่าเป็นธุรกิจอะไรบ้าง
แบงก์เกือบทุกค่ายเข้าไปเปิดสาขายึดหัวหาดกันเรียบร้อย ร้านค้าร้านรวงส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบเช่าอาคารสถานที่ ห้างสะดวกซื้อค่ายใหญ่ยังมาไม่ถึง มีแต่ร้าน 7-11 ซึ่งเปิดดักทุกหัวมุมมากถึง 11 แห่ง คิดดูเอาเองนะครับว่าขนาดไหน
ทราบมาว่าโรงแรมหรือสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนเป็นร้อยล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของคนมาเลเซียที่ตั้งบริษัทในบ้านเรามาดำเนินการ ซึ่งฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ แม้ว่าเป็นการลงทุนทางธุรกิจที่ถูกต้องและเป็นการมาดักรับเงินจากนักท่องเที่ยวของคนในชาติเดียวกัน
แต่ไม่ค่อยแฟร์กับคนไทยที่ส่วนใหญ่เข้าไปทำงานเป็นแค่ลูกจ้างกินเงินเดือนถูกๆ แต่กลับต้องใช้แรงงานและร่างกายทำให้เขากอบโกยเงินทองในผืนแผ่นดินไทยกลับบ้าน
คนงานไทยทั้งคนงานก่อสร้าง หมอนวดแผนโบราณ เด็กเสิร์ฟร้านอาหาร รวมถึงบรรดาอาชีพพิเศษ กำลังแห่เดินทางไปขุดทองที่ ด่านนอกจำนวนมาก รายได้รายรับคงดี แต่ที่รับเต็มๆ เนื้อๆ คือ เจ้าของกิจการชาวมาเลย์ที่พูดถึง
ผมหยิบเรื่องแหล่งธุรกิจใหม่ในพื้นที่ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา มาเล่าให้ฟังก็เพราะอยากสะท้อนให้ผู้เกี่ยวข้องของภาครัฐควรจะคิดอ่านทำอะไรให้แก่ผู้ประกอบการคนไทยบ้าง
ขืนปล่อยปละละเลยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ธุรกิจที่ด่านนอกคงเป็นของคนต่างชาติหมดแน่นอน
ถ้าพื้นที่นี้ดีจริง เป็นแหล่งธุรกิจที่จะสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของชาติได้ สมควรที่จะต้องมีมาตรการพิเศษหรือโครงการดีๆ มาช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการคนไทยมีโอกาสไปลงทุนประกอบกิจการเป็นของตัวเอง
จะเป็นกิจการเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ แต่เจ้าของตัวจริงเสียงจริงควรเป็นคนไทย ไม่ใช่เป็นแค่นอมินีหรือเป็นแค่คนงานหาเช้ากินค่ำทำให้ต่างชาติร่ำรวยสะดือปลิ้นเหมือนปัจจุบัน
เรื่องแบบนี้รัฐบาลควรสนใจและใส่ใจ
สนใจและใส่ใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกันบ้าง!!
อย่ามัวหมกมุ่นแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว
ถ้าชาวเอสเอ็มอีทั่วประเทศที่มี 2 ล้านกว่ารายไม่แฮปปี้ขึ้นมา... จะหาว่าหล่อไม่เตือนนะครับ