อธิบดีดีเอสไอระบุพนักงานสอบสวนเร่งวิเคราะห์หลักฐานคดีอุ้มทนายสมชาย แก้จุดบกพร่องก่อนสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัย 5 คน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ พนักงานสอบสวนเร่งวิเคราะห์หลักฐานคดีอุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร แก้จุดบกพร่องก่อนสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัย 5 คน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิมว่า ได้ให้พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ นำสำนวนคดีหน่วงเหนี่ยวกักขังนายสมชาย ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษพ.ต.ท.เงิน ทองสุก แต่ยกฟ้องผู้ต้องสงสัยอีก 4 ราย มาวิเคราะห์ เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง โดยเฉพาะคำให้การของพยานบุคคลให้มีความหนักแน่น เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 ราย ให้อัยการ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์เบื้องต้นคาดว่าพยานแวดล้อมในคดีทนายสมชาย มีความหนักแน่น เพราะศาลเชื่อว่ามีการอุ้มนายสมชายจริง จึงตัดสินลงโทษจำเลยในคดีหน่วงเหนี่ยวกักขัง ด้านพ.อ.ปิยะวัฒก์กล่าวว่า หากมีความจำเป็นอาจต้องเรียกพยานบุคคลบางปากเข้าให้การอีกครั้ง ก่อนส่งสำนวนพร้อมหลักฐานให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่า จะสั่งฟ้องผู้ต้องสงสัยได้ครบทั้ง 5 รายหรือไม่ ขณะที่นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย กล่าวว่า ในวันที่ 18 มกราคมนี้ จะเข้าพบนายธาริต เพื่อติดตามคดีการหายตัวของนายสมชาย เนื่องจากทราบว่า ดีเอสไอจะส่งฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ เพราะคดียังเหลืออายุความอีก 14 ปี เกรงว่าการเร่งสรุปสำนวนสั่งฟ้อง จะทำให้ผู้ต้องหาพ้นจากความผิดได้ โดยในคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย แม้ว่าจะต้องรอคอยนานกว่า 19 ปี แต่ยังสามารถฟ้องผู้ต้องหาซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงได้ทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ ยังติดตามความคืบหน้าการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี พยานปากสำคัญในคดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีปล้นปืนจากค่ายปิเหล็งเมื่อปี 2547 ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา |