ราคาทองคำที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ใครๆ ก็รู้ว่าคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดคือร้านทอง เพราะถือเป็นผู้ใกล้ชิด และทราบความเคลื่อนไหวของราคาทองก่อนใคร
ผู้ซื้อทองรายย่อยตาดำๆ ทั้งหลายจึงเป็นเพียง ผู้ตาม...แล้วค่อยจ่ายกำไรให้กับร้านทองเท่านั้น?
แล้วราคาทองที่แปะอยู่หน้าร้านนั้น ใครเป็นผู้กำหนด เชื่อถือได้แค่ไหน มีความเป็นธรรมจนไม่เอาเปรียบผู้บริโภคจนเกินไปหรือไม่ เรื่องนี้คงเป็นที่คาใจกับนักช็อปทองทั้งหลายจนต้องหาที่มาให้ได้
การกำหนดราคาทองในไทยนั้น ในปัจจุบันต้องถือว่าปล่อยเสรีให้เป็นเรื่องของเอกชน ปัจจุบันมีคณะกรรมการควบคุมราคาทองของสมาคมคอยดูแลตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย โดยยึดถือหลักประชาธิปไตยในการกำหนดราคาทองคำ ถือเสียงส่วนมาก 3 ใน 5 เสียงในการตัดสินใจ ประกอบไปด้วยคณะกรรมการจาก 1.ห้างทองจินฮั้วเฮง 2.ห้างทองฮั่วเซ่งเฮง 3.ห้างทองเลี่ยงเส็งเฮงพาณิชย์ 4.ห้างทองหลูชั้งฮวด และ 5.ห้างทองแต้จิบฮุย
สำหรับการตั้งราคานั้น จะต้องใช้เทคนิคบ้างโดยอ้างอิงจากราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot) บวกหรือลบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำเข้า/ส่งออกทองคำ (Premium) ของผู้ค้าทองในต่างประเทศ แล้วจึงนำมาคำนวณกับค่าเงินบาท จากนั้นจะทำการแปลงหน่วยน้ำหนักจากหน่วยออนซ์ (Ounze) ให้เป็นหน่วยน้ำหนักของไทย คือ บาท ซึ่งการตัดสินใจประกาศราคาทองในประเทศแต่ละครั้งนั้น ทางสมาคมจะต้องพิจารณาถึงความต้องการซื้อ (Demand) และความต้องการขาย (Supply) ทองคำภายในประเทศเป็นสำคัญด้วย
ดังนั้น มีที่มาจากไหนล่ะ ตัวความต้องการซื้อและความต้องการขาย ก็มาจากการพิจารณาปริมาณและราคาจากการซื้อขายระหว่าง 1.ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออกทองคำ 2.ร้านค้าทองเยาวราช 3.ร้านค้าส่งทองคำ 4.ร้านค้าปลีกทองคำ 5.ผู้ลงทุนทองคำรายใหญ่ และ 6. ผู้ลงทุนทองคำรายย่อย นี้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการคิดที่มาของราคาทอง
ทั้งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ของสมาคมคอยดูข้อมูลตามปัจจัยในการคิดราคาทองตลอดเวลา และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 50 บาท ถึงจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนราคาทอง เพื่อให้คณะกรรมการทั้ง 5 ตัดสินใจเคาะราคาออกมา ทำให้บางวันอาจมีการเปลี่ยนแปลงราคาหน้าร้านถึง 4-5 ครั้ง ตามความผันผวนของตลาดโลกทีเดียว
แต่สำหรับในไทยราคาทองจะถูกประกาศครั้งแรกโดยสมาคมค้าทองคำ ในเวลาประมาณ 09.30-09.50 น. ของแต่ละวันเป็นหลักก่อน
อย่างนี้ 5 เสือราคาทองก็ฮั้วกันได้?
จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ และในฐานะเจ้าของห้างทองจินฮั้วเฮง บอกว่า เรื่องฮั้วราคากันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงแม้คณะกรรมการ 5 คนจะเป็นผู้กำหนดราคา แต่ก็ยังมีคณะกรรมการสมาคมชุดใหญ่คอยดูแล รวมถึงผู้ค้าทองในต่างประเทศด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะตั้งราคาที่เท่าไหร่ก็ได้ ราคาที่ออกมาต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ซื้อขายจริงในตลาดได้ แล้วเหตุในเวลานำทองไปขายคืนหากไม่ใช่ร้านที่ซื้อมา ราคารับซื้อจะต่ำกว่าปกติ
เรื่องนี้ จิตติ อธิบายว่า หากมาซื้อขายกันระหว่างร้านบริเวณเยาวราชด้วยกัน คงไม่มีปัญหาราคาจะใกล้เคียงกันหมด แต่หากซื้อที่เยาวราชแล้วไปขายในร้านต่างจังหวัด ทางร้านก็อาจบวกกับค่าความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนได้
แต่เรื่องนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็เข้ามาดูแลอยู่ โดยให้อยู่บนหลักเกณฑ์ที่ว่าการรับซื้อคืนทองรูปพรรณของร้านค้าทอง คือ หัก 5% จากราคาทองคำแท่งรับคืนประจำวันที่สมาคมประกาศ ซึ่งจะมีการติดประกาศราคารับซื้อคืนทองคำรูปพรรณอยู่หน้าร้านทองทุกแห่ง
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ รองเลขาธิการสมาคมค้าทอง และประธานห้างทองแม่ทองสุก ชี้แจงว่าเวลาทองแพงร้านทองทุกแห่งที่ซื้อก็มีกำไร หรือแม้แต่ลูกค้าที่นำมาขายก็มีกำไร
แต่ปัญหาสำคัญคือ ร้านทองขาดเงิน เพราะทันทีที่ลูกค้านำทองมาขายก็จะต้องได้รับเงินสด ในภาวะที่ผิดปกติมีปริมาณการซื้อขายมากเกินคาดการณ์ ก็ไม่มีร้านทองรายไหนมีสต๊อกเงินสดมากๆ ที่จะรองรับปริมาณการซื้อขาย
ประเด็นที่ข้อสงสัยกันมา เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ 5 เสือราคาทองว่าจะมีการรู้ล่วงหน้าราคาทองและมีการเก็งกำไรล่วงหน้า (อินไซเดอร์) หรือมีการฮั้วสมรู้ร่วมคิดกำหนดราคาซื้อขายทอง ก่อนจะประกาศหรือไม่นั้น นพ.กฤชรัตน์ บอกว่า ถ้ารู้ก็รวยยิ่งกว่า จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินอีก วันนี้กับเมื่อวานราคาต่างกัน 5% ถ้ารู้ก็รวย ไม่ต้องมาเปิดร้านทองขาย เพราะต้องเข้าใจราคาตลาดโลก เราได้ปรับตามราคาตลาดโลก
สำหรับความโปร่งใสของหลักเกณฑ์การกำหนดราคาทองคำนั้น รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า การทำงานของคณะกรรมการสมาคมที่ทำหน้าที่กำหนดราคาทอง ซึ่งก็หมายความว่า สมาคมเองก็มีสูตรการคำนวณราคาทองแบบสูตรสำเร็จอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องมีการประชุมคณะกรรมการ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับราคาทอง ซึ่งจะต้องมีการประชุมพูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์ว่า สถานการณ์ราคาทองเป็นอย่างนี้จะมีการปรับราคาทองอย่างไร
แต่สูตรการคำนวณราคานี้ยังไม่ได้มีการบวกกำไร แค่คิดต้นทุน ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าการทำธุรกิจย่อมมีการตั้งราคาขายบวกกำไรบ้าง ทุกวันนี้ร้านทองก็มีการแข่งขันกันสูงอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการฮั้วกันได้ และประชาชนก็มีสิทธิเลือกที่จะซื้อทองร้านไหนก็ได้ โดยทั่วประเทศมีร้านทองกว่า 7,000-8,000 แห่ง นพ.กฤชรัตน์ ชี้แจง