อัยการรอ ดีเอสไอ ตอบอุทธรณ์ ร้องศาล อัล-รู ไวรี่ นักธุรกิจซาอุฯ เป็นบุคคลสาบสูญ
วันนี้(25 พ.ย.) นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คดีที่ นายโมฮัมหมัด อัล -รู ไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย หายตัวไปตั้งแต่ ปี 2533 เป็นบุคคลสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า หลังจากที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งยกคำร้องที่อัยการยื่นตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) ร้องขอไปแล้วตั้งแต่ 4 พ.ย. อัยการได้มีหนังสือสอบถามให้ดีเอสไอรับทราบที่ศาลยกคำร้อง และประสงค์จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ แต่ขณะนี้อัยการยังไม่ได้รับหนังสือตอบกลับ หากดีเอสไอ จะยื่นอุทธรณ์ต่อ ซึ่งครบกำหนดภายในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ อัยการต้องยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน ส่วนการยื่นอุทธรณ์นั้นจะเป็นการอธิบายความเห็นข้อกฎหมาย จากการพิจารณาเอกสาร หลักฐาน ที่เคยไต่สวนในศาลชั้นต้นไปแล้ว ชี้ให้ศาลอุทธรณ์เห็นเพื่อกลับคำสั่ง โดยไม่มียื่นเอกสารหลักฐานใหม่เพิ่มเติม เพราะทางกฎหมายการไต่สวนพยานหลักฐานที่มีอยู่จะต้องทำให้เสร็จสิ้นตั้งแต่ ศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า ชั้นไต่สวนอัยการมีเพียง พ.ต.ท.เบญจพล จันทวรรณ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษเฉพาะด้าน 9 ดีเอสไอ ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า เบิกความเพียงปากเดียว ว่า นายอัล-รู ไวรี่ เข้ามาประกอบธุรกิจและพักอาศัยในไทยเมื่อปี 2528 แล้วหายตัวไปตั้งแต่เมื่อ 12 ก.พ.33 โดยทราบเรื่องการหายตัวไปจากการสืบสวนคดีที่รับโอนมาจากกรมตำรวจ ไม่ใช่ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในวันที่นายอัล-รูไวรี่ หายตัวไป ขณะที่ไม่มีภรรยาหรือญาติ ของนายอัล-รู ไวรี่ มาเบิกความยืนยันการหายตัวไป และไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาเบิกความสนับสนุนคงมีเพียงเอกสารการแจ้งความ พยานหลักฐานเท่าที่มีในชั้นไต่สวน จึงไม่มีน้ำหนักรับฟัง.