เมื่อน้ำยังคงท่วมหลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ชาวบ้านหวั่นน้ำท่วมละลอก 2 ไม่กล้าเข้าบ้าน รวมผู้ประสบภัยในพื้นที่ขณะนี้กว่า 3.3 หมื่นครัวเรือน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (11 พ.ย.) หลังจากตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังจากที่ทิ้งช่วงไปนาน 3 วัน รวมไปถึงน้ำจากเทือกเขาสันกาลาคีรี อ.สุคิริน ที่ยังคงไหลทะลักลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ระดับน้ำยังคงท่วมขังบ้านเรือนของราษฏร ในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ ชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พื้นที่บ้านแฆแบ๊ะ หมู่ 1 บ้านตาเซ๊ะ หมู่ 2 ต.นานาค อ.ตากใบ และบ้านท่าเรือ หมู่ 1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ราบลุ่มตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี ยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงในระดับ 60-80 เซนติเมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ชาวบ้านยังคงได้รับความเดือดร้อนต้องใช้เรือพายเป็นพาหนะในการเดินทางสู่โลก ภายนอก และจากภาวะน้ำท่วมขังติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ได้ส่งผลทำให้น้ำเน่าเสียและสิ่งกลิ่นเหม็นอบอวน เด็กและคนชราเริ่มมีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้าแล้ว โดยในส่วนของชาวบ้านที่ได้รับ ความเดือดร้อนจากผลกระทบของภาวะน้ำท่วมขังบ้านเรือนในครั้งนี้ ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพ ที่ทางเจ้าหน้าที่แต่ละอำเภอได้จัดไว้ให้ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนถึงแม้ว่าภาวะน้ำท่วมขังเริ่มคลี่คลายเกือบสู่ภาวะ ปกติ แต่ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ตามบ้านของเครือญาติ เนื่องจากส่วนมากยังไม่มั่นใจว่าฝนจะทิ้งช่วง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน จากภาวะน้ำป่าจากเทือกเขาที่ไหลทะลักลงมาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้านศูนย์อำนวย การเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จ.นราธิวาส ได้สรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นพบว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ 75 ตำบล 414 หมู่บ้าน 17 ชุมชน มีผู้ประสบภัยทั้งหมด 33,653 ครัวเรือน รวม 133,361 คน อพยพประชาชน 1,697 ครัวเรือน เสียชีวิต 10 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย และพบบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 17 หลัง เสียหายทั้งหลัง 3 หลัง ปศุสัตว์ตายจำนวน 241 ตัว สัตว์ปีกตายจำนวน 2,997 ตัว บ่อปลาเสียหาย 711 ไร่ พื้นที่การเกษตรเสียหาย 53,767 ไร่ ถนนชำรุด 174 สาย คอสะพานและสะพานถูกน้ำท่วมขัง 15 แห่ง ท่อระบายน้ำ 6 แห่ง วัดและมัสยิดรวม 10 แห่ง โรงเรียน 12 แห่ง และสถานที่ราชการ 3 แห่ง โดยคิดรวมเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 125,832,171 บาท