คมชัดลึก : เมื่อหลายวันก่อนมีการสนธิกำลังเข้าไปตรวจค้นในสถาบันการศึกษาปอเนาะแห่งหนึ่งคือ โรงเรียนแสงธรรมวิทยา ใน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีการเชิญนักเรียนปอเนาะที่ชาวบ้านเรียกว่า โต๊ะปาเก ไปสอบสวนหาความจริงเรื่องการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ในครั้งแรกที่ออกข่าวดูเหมือนจะพูดเหมือนกันไปหมดว่าเขาเหล่านั้นมีสารบางอย่างติดตามเสื้อผ้าที่เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในการทำระเบิด รวมทั้งพบวัสดุต้องสงสัยหลายอย่างเช่นป้ายรถจักรยานยนต์ เหล็กเส้น ฯลฯ เพื่อให้สาธารณะได้เข้าใจว่านี่คือหลักฐานที่น่าเชื่อถือตามหลักการ สมควรที่จะต้องเชิญนักเรียนเหล่านั้นไปสอบสวน กระบวนการสอบสวนเชื่อว่าจะดำเนินการตามกระบวนการและสร้างความเชื่อมั่นในเชิงข่าวของรัฐเองได้ แต่อะไรที่จะเกิดขึ้นกับเนื้อหาของข่าวและภาพข่าวที่ออกตามสื่อของรัฐ ดูเหมือนสิ่งหนึ่งคือคนไทยที่อยู่ในส่วนอื่นคงจะคล้อยตามเนื้อหาของข่าวไม่มากก็น้อย อย่างน้อยๆ นักเรียน ครู และโรงเรียน ได้ตกเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว การแก้ต่างหลังจากนี้คงไม่มีใครจะเป็นทนายให้แก่เขาเหล่านั้นได้เลย ถึงแม้เขาทั้งหลายจะเป็นผู้บริสุทธิ์และได้รับการส่งกลับไปยังสถานศึกษาของตนเองเกือบทั้งหมดไปแล้วก็ตาม ลึกๆ ลูกหลานคนไทยเหล่านั้นเขารู้สึกอย่างไรหลังจากนั้น นี่คืองานที่รัฐไม่ถนัดและไม่ค่อยอยากจะติดตามอย่างจริงมากนัก คงจะปล่อยเลยตามเลยเฉกเช่นเมื่อแต่เก่าก่อนหรือเปล่า เพราะมีสิ่งที่น่ากังวลจากปาก(และใจ)ของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยสองท่านตามที่ศูนย์ข่าวอิศราฯ ได้สัมภาษณ์คือ นายอับดุลรอนิ กาหามะ เลขานุการสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยความกังวลใจในการเชิญนักเรียนปอเนาะ(โต๊ะปาเก)ครั้งนี้ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะแม้จะเป็นเพียงการเชิญตัวไปซักถาม แต่ก็มีความเปราะบางทางความรู้สึกอย่างมาก การดำเนินการใดๆ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตระหนักและอยู่บนหลักของความเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง และต้องทำความเข้าใจกับครอบครัว และญาติของผู้ถูกเชิญตัวด้วย และในข่าวเดียวกันทางศูนย์ข่าวได้สัมภาษณ์นายอับดุลอาซิส เจ๊ะมามะ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสด้วย เขากล่าวว่า แม้เบื้องต้นจะเป็นเพียงการเชิญตัวไปให้ข้อมูลและซักถามเท่านั้น โดยยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่เป็นการด่วน ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงต่อการถูกบางฝ่ายนำไปบิดเบือนเพื่อสร้างความเข้าใจผิด อีกทั้งต้องไม่ลืมแจ้งญาติพี่น้องของผู้ถูกเชิญตัวให้รับทราบและทำความเข้าใจด้วยทุกครั้ง ที่สำคัญคือต้องแจ้งผู้นำศาสนาในชุมชนหรือโต๊ะอิหม่ามประจำพื้นที่ทราบก่อนเข้าตรวจค้นด้วย ทั้งสองท่านได้สะท้อนความรู้สึกข้อกังวลที่เคยได้แนะนำให้แก่ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่มาโดยตลอดระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา แต่น้อยครั้งนักที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยเหตุผลสารพัด และที่สำคัญเจ้าหน้าที่บางคนมักจะพูดอยู่เสมอๆ ว่า พวกที่พูดหรือให้ข่าวทำนองนี้เพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคมและเป็นการปลุกระดมชาวบ้านให้ต่อต้านการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และมิหนำซ้ำร้ายกว่าที่คิดอีกหลายเท่าจากคำพูดที่หลุดมาจากกลไกรัฐในพื้นที่บางคนว่า นี่คือรูปแบบการทำงานช่วยเหลือกันและกันของพวกแนวร่วมขบวนการ ? ขณะนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่พรรคฝ่ายค้านสมัยที่แล้วไม่ชอบนักไม่ชอบหนาว่าเป็นการทำลายสิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลเองไฉนเลยมีเหตุและผลมากมายที่ต้องมาประกาศใช้ต่อแล้วต่ออีก ยังไม่พอยังจะต้องให้คงมีและใช้กฎหมายทุกฉบับเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานสถานเดียว อย่างนี้ต้องให้กำลังใจแก่ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ให้มากๆ เพราะต้องทำงานหนักเพื่อสร้างรอยยิ้ม(?)จากนานาชาติซ้ำแล้วซ้ำอีกตามเคยกระมัง ? |