มุสลิมชายแดนใต้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ 
การไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในข้อบัญญัติทางศาสนาอิสลาม 5 ประการ ที่กำหนดให้มุสลิมที่มีความสามารถได้ถือปฏิบัติ มุสลิมทุกคนจึงมีความปรารถนาสูงสุดประการหนึ่งที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต โดยในแต่ละปี จะมีพี่น้องมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประมาณ 9,000 คน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดโครงการส่งเสริมคนดี มีคุณธรรม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในเทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2552 ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปีนี้ชาวไทยมุสลิมที่ได้รับการคัดสรร ตามโครงการส่งเสริมคนดี มีคุณธรรม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในเทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2552 ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวน 200 คน จากจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา 4 อำเภอ ได้เข้าร่วมประชุม เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวย การศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่าโครงการ ส่งเสริมคนดีมี คุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปประกอบ พิธีฮัจญ์ ถือเป็นปีที่ 2 ที่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินการ เพื่อสนับสนุนประชาชนผู้นำองค์กร และ บุคลากรของรัฐ ที่อุทิศตนช่วยเหลือสังคมและช่วยเหลือราชการ อย่างต่อเนื่อง และเสียสละแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเดินทาง นายพระนาย ยังกล่าวว่าการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มประชาชนผู้มีฐานะยากจนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีซะกาตประจำมัสยิด จำนวน 100 คน กลุ่มผู้นำศาสนาจำนวน 50 คน และกลุ่มข้าราชการพนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ จำนวน 50 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องไม่เคยไปประกอบพิธีฮัจญ์มาก่อนทั้งบุรุษและสตรี ทางด้านนางฝีเสาะ บินโหรน ข้าราชการครูจาก อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ได้รับการคัดเลือกไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในโครงการนี้ กล่าวว่า ถือเป็นรางวัลในชีวิตของการเป็นข้าราชการที่ได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ในครั้งนี้ ขอขอบคุณ ศอ.บต. ที่จัดโครงการดีอย่างนี้ ขณะที่นายอำราน มะกะนิ ประ ชาชนในจังหวัดยะลา กล่าวว่า หากต้องใช้งบประมาณของตนเอง เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ตนเองคงไม่มีโอกาส จึงอยากให้มีโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์มากขึ้น โครงการดังกล่าวนับว่ามีประโยชน์มากสำหรับชาวไทยมุสลิมที่รัฐบาลควรให้การสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้ชาวไทยมุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลามแล้วยังทำให้ชาวไทยมุสลิมเกิดความรู้สึกที่ดีและมีความเข้าใจทางราชการมากขึ้น การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็อยู่แค่เอื้อม.
มูกะตา หะไร |