นายกฯ มอบประกาศนียบัตรแก่เยาวชนใต้ที่เข้าร่วมโครงการยุวทูตสันติภาพ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้าร่วมโครงการ ยุวทูตสันติภาพเพื่อเสริมสร้างสันติสุขชายแดนภาคใต้ รุ่นที่ 1 จำนวน 98 คน รับมอบประกาศนียบัตรจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หลังจากผ่านการเรียนรู้และร่วมทำกิจกรรมกับเยาวชนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงใหม่ จัดโดย กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับการประปานครหลวง นายถาวร ได้กล่าวถึง โครงการยุว ทูตสันติภาพฯ รุ่นที่ 1 ว่า เป็นการจัดกิจกรรมให้กับตัวแทนเยาวชนจาก 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน เพื่อเปิดโลกทัศน์พร้อมสร้างจิตสำนึกของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ที่สำคัญคือ การสร้างพลังและแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อันนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบประกาศนียบัตรแก่ตัวแทนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมกล่าวให้โอวาทว่า การที่กระทรวงมหาดไทย และการประปานครหลวงได้มอบโอกาสให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องของความเป็นอยู่และวัฒนธรรมกับเยาวชนไทยในท้องถิ่นต่าง ๆ นั้น ถือเป็นการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย มีคุณค่าจากการที่ได้มีประสบการณ์จริง และซึ่งจะทำให้เยาวชนเกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตนเองและมีส่วนร่วมในการ พัฒนาท้องถิ่นและชุมชนให้มีความมั่นคงก้าวหน้า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เกิดปัญหาความไม่สงบ ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อตัวบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการจำกัดโอกาสของเด็กและเยาวชน รวมทั้งทำให้การส่งเสริมในเรื่องของการพัฒนา การเรียนรู้และเรื่องอื่น ๆ ทำได้ยากขึ้น หากไม่สามารถดำเนินการให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติได้จะส่งผลกระทบโดยรวม ต่อความเข้มแข็งของสังคมไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ถือได้ว่าเป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาและเหตุการณ์ดังกล่าว จึง หวังว่าตลอดระยะเวลาของโครงการฯ ทุกคนจะมองเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกฝ่ายที่มีความห่วงใยและต้องการ ที่จะเข้าไปร่วมในการแก้ไขปัญหาให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้นที่ และจากประสบการณ์หลายวันที่ผ่านมา สามารถยืนยันได้ว่า ความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา วิถีชีวิต ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ สันติ เคารพซึ่งกันและกัน และหากทุกคนมีความเชื่อ มีความมั่นใจตรงนี้ ย่อมจะมีส่วนสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง อนาคตของเยาวชนทุกคนในที่นี้ มีความหมายสำหรับคนไทยทุกคน และอนาคตของพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เป็นอนาคตของประเทศไทย ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีประโยชน์ และหวังว่าทุกคนจะมีส่วนในการที่จะขยายผลด้วยการเผยแพร่ประสบการณ์ ความรู้ ไปยังเพื่อน ๆ ของตนเองที่ยังไม่ได้รับโอกาสนี้ รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามขยายผลโครงการนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้กับเยาวชนรุ่นต่อ ๆ ไป ได้มีโอกาสเช่นเดียวกัน พร้อมกล่าวย้ำว่า อนาคตของทุกคนยังผูกพันอยู่กับอนาคตของสังคม และของพื้นที่ในประเทศ และอนาคตนั้นไม่มีใครที่จะเป็นผู้กำหนดได้เอง เท่ากับตัวเอง ทุกคนเมื่อได้มีโอกาสสัมผัสและมองเห็นแล้วว่า ความรัก ความห่วงใยที่คนไทยมีให้ต่อกัน นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ สามารถที่จะเป็นคนและพลเมืองที่มีคุณภาพ และหวังว่าทุกคนจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้รับ และนำไปใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อความก้าวหน้าของตนเอง และเพื่อความสงบสุขของสังคมต่อไป จากนั้น ตัวแทนเยาวชนและนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันติดจิ๊กซอร์แผนที่ประเทศไทย และร่วมขับร้องเพลง รักกันไว้เถิด...... เพื่อปิดโครงการฯ อย่างเป็นทาง |