รมต.ประจำสำนักฯ เผยการประชุมระดับ รมต.แผนงานการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดฯ-มาเลย์-ไทย (IMTGT)    15ต.ค.นี้  ที่  มาเลเซีย จะเร่งผลักดันความร่วมมือด้าน ท่องเที่ยว-ผลิตภัณฑ์-บริการฮาลาล

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นาย วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย(IMTGT)  วันที่ 15ต.ค.นี้  ที่ ประเทศมาเลเซียจะเร่งผลักดันความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์และ บริการฮาลาลให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยเฉพาะในโครงการต่างๆที่มีความเป็นไปได้ใน 2ปี โดยจะเสนอและผลักดันให้จ.ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และการท่อง เที่ยวเพื่อสุขภาพหลังจากที่ภาคเอกชนได้เร่งรัดมาโดยตลอดเบื้องต้นเตรียม กำหนดให้จัดปีแห่งการท่องเที่ยวใน 3 ประเทศต่อเนื่องระยะยาว ตั้งแต่ปี 2552-2558 เพื่อให้เกิดแรงผลักดันที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว ด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันจัดทำแพคเกจทัวร์ 3 ประเทศ ที่เน้นให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไม่ใช่เฉพาะที่ อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา เท่านั้นแต่ให้ไปถึง จ.ชุมพรและระนองด้วยก่อนเดินทางไปที่อื่น หากดำเนินการได้เป็นรูปธรรมเชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพียง 5-10% ของจำนวนประชากรในเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ 70 ล้านคน ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

นอกจากนี้จะผลักดันให้คณะทำงานชั่วคราวด้าน มาตรฐานและการรับรองฮาลาล เร่งประชุมให้ได้ภายใน 1 ปี เพื่อกำหนดมาตรฐานและการรับรองฮาลาลของทั้ง 3ประเทศเพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ชัดเจนต่อไปรวมไปถึงการผลักดันแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางการสนับสนุนพัฒนานักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารฮาลาล เป็นการเฉพาะการจัดกิจกรรมต่อเนื่องด้านอาหารและบริการฮาลาลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะพัฒนาให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์พัฒนาในทุกด้านเพื่อตอบสนองความ ร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้ง 3 ประเทศ

นายวีระชัย กล่าวด้วยว่าในการประชุมครั้งนี้จะมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาโครงการอนุ ภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบีเพื่อ สนับสนุนการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆที่สำคัญในโครงการความร่วมมือของทั้ง 3ประเทศที่กำลังออกแบบให้ชัดเจนเบื้องต้นเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากกองทุน นี้เพื่อนำไปสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้วต้องนำเงินมาชำระ คืนด้วย ซึ่งการดำเนินการในเรื่องนี้จะทำให้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้ง 3 ประเทศเดินหน้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

"ต้องถือว่าการประชุมครั้งนี้มี ความสำคัญมากขึ้นเพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีภาคเอกชนเข้ามาร่วมประชุมอย่าง เป็นทางการขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญเข้ามาช่วยเหลืออย่างเป็นรูป ธรรมนอกเหนือจากความช่วยเหลือของเอดีบีโดยโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจนี้ได้ เกิดขึ้นตั้งแต่ 36 โดยเน้นสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดในภูมิภาคนี้" นายวีระชัย กล่าว