| "นัยน์ตาแห่งพายุ" ของไต้ฝุ่นเกดสะหนา (ลูกศรชี้) นั้นน่าสะพรึงกลัว ไม่มีช่องว่างเหลือให้เห็นเลย ขณะที่ "ปีกแห่งพายุ" แผ่ออกครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางทั้งอนุภูมิภาค ขณะเคลื่อนตัวช้าๆ 10-15 กม./ชม.และด้วยความเร็วที่ศูนย์กลางกว่า 150 กม./ชม. มุ่งหน้าสู่ลาว ทะลุเข้าภาคอีสานของไทยและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา การเคลื่อนตัวช้าๆ ย่อมหมายความว่า มีเวลาในการทำลายล้างนานขึ้นตามเส้นทางที่ผ่าน ทำให้สรรพสิ่งทลายราบเป็นหน้ากลองได้ |
|  | ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ภาพแผนที่จำลองที่ใช้ข้อมูลดาวเทียมขององค์การนาซ่า และ ถูกนำออกเผยแพร่ล่าสุดในคืนวันอังคาร (29 ก.ย.) ที่ผ่านมา ได้เผยให้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของไต้ฝุ่นเกดสะหนารวมทั้งเผยให้เห็น "นัยน์ตาแห่งพายุ" (Eye of Storm) หรือ จุดศูนย์กลางแห่งความแรง ที่แทบจะไม่มีช่องว่าง สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นอานุภาพแห่งการทำลายล้างของ "เกดสะหนา" (Ketsana) ใต้ฝุ่นทรงพลังอีกลูกหนึ่งที่ตั้งชื่อตามชื่อไม้มงคล กลิ่นหอมและราคาแพงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไต้ฝุ่นลูกนี้ยังคงเคลื่อนตัวอย่างช้า 10-15 กม./ชม. ซึ่งหมายความว่าความเร็วลมศูนย์กลางจะมีเวลาในการทำลายล้างตามเส้นทางที่เคลื่อนตัวผ่านได้นานขึ้น สร้างความเสียหายมากขึ้น ภาพจำลองล่าสุดนี้ยังเปิดเผยให้เห็นวงปีกอันกว้างขวางของไต้ฝุ่นที่แผ่ครอบคลุมภาคกลางตอนบนลงไปจนถึงภาคกลางตอนล่างของเวียดนาม ล้ำเข้าไปในลาว จนถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือกัมพูชา และจังหวัดใน ภาคอีสานตอนล่างของไทย เมื่อเข้าถึงฝั่งเวียดนามในบ่ายวันอังคาร เกดสะหนาได้เพิ่มความเร็วลมศูนย์กลางจาก 148 กม./ชม. เป็นกว่า 150 กม./ชม. ทำให้สำนักพยากรณ์อากาศชั้นนำของโลกยกระดับไต้ฝุ่นลูกนี้ขึ้นสู่ C2 หรือ Category 2 อันหมายถึงไต้ฝุ่นที่มีความแรงระดับ 2 จากทั้งหมด 5 ระดับ แต่ถึงกระนั้นเกดสะหนาก็ยังทำลายล้างแผ่นดินเวียดนามอย่างไม่ยั้งมือ ยังไม่ทันถึงฝั่งด้วยซ้ำ คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปแล้วอย่างน้อย 22 คน
|
| วันที่ 27-28 ก.ย. เกดสะหนา หมุนติ้วปั่นความเร็วอยู่กลางทะเลจีนใต้ นัยน์ตาแห่งพายุมองเห็นได้ชัด
|
|  | อีกไม่นานตัวเลขความเสียหายต่างๆ ก็จะทยอยออกมาจากงานที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทางการเวียดนามกล่าวว่า 2-3 วันมานี้ได้อพยพราษฎร์เกือบ 170,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยในหลายจังหวัดภาคกลาง ตั้งแต่กว๋างจิ (Quang Tri) ลงไปจนถึงนครด่าหนัง (Danang) ย้อนหลังกลับไปในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. ไต้ฝุ่นเกดสะหนายังคงหมุนติ้วอยู่ในทะเลจีนใต้ ทวีความเร็วลมศูนย์กลางอย่างคึกคะนอง แต่บนแผ่นดินเวียดนามเกิดฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา เกดสะหนาได้แสดงอิทธิฤทธิ์การทำลายล้างอย่างน่าสะพรึงกลัว และ เพียงแค่ข้ามวันไม่ทันข้ามวันก็ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตทรัพย์สินของชาวเวียดนามอย่างมากมาย สำนักข่าว VNExpress กับ VietnamNet ส่งทีมงานลงไปเก็บภาพเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสะเทือนใจ ในจังหวัดภาคกลางมาฝากผู้อ่าน ก่อนที่เหตุการณ์ใหม่ๆ ในวันอังคารกับวันพุธจะมาแทนที่ ทำให้เหตุการณ์เหล่านี้ถูกลืมไป.
|
| หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งในนครด่าหนัง เก็บเรือขึ้นฝั่งเตรียมรับการคุกคามของไต้ฝุ่นเกดสะหนาชาวเวียดนามชินชากับพายุ เพราะเจอประจำปีละ 8-10 ลูก เพียงแต่ว่าหลายครั้งไม่อาจต้านทานมันได้
|
|  |
|
| ทางการท้องถิ่นต่างๆ เตรียมรับมืออย่างดี เรือหาปลางดออกจากฝั่ง และเข้าจอดในอ่าวที่มีกำแพงป้องกันคลื่น แต่ผู้คนที่นี่ก็เคยเห็นเรือถูกไต้ฝุ่นพัดขึ้นจากอ่าวไปเกยตื้นบนบก
|
|  |
|
|
| ไม่ว่าจะเป็นในย่านตัวเมืองหรือนอกเมืองชะตากรรมไม่ต่างกัน
|
|  |
|
| และก็ถึงเวลาที่เรือได้เป็นเจ้าบนท้องถนนในนครเหว (Hue)
|
|  |
|
|
| ไม่เจอด้วตัวเอง ไม่รู้ว่าชีวิตในสถานการณ์เช่นนี้ลำบากแสนเข็ญเพียงใด
|
|  |
|
|
| ถนนหลายสายในเมืองหลวงเก่ายุคราชวงศ์จมลงใต้น้ำ
|
|  |
|
| เจ้าของรถยนต์คันนี้อาจต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งคงทนของพาหนะราคาแพงก็เป็นได้
|
|  |
|
| สำหรับหลายคนอาจจำเป็นต้องจากเคหะสถานไปชั่วคราว ไปอยู่ในที่ปลอดภัย เช่นที่นี่
|
|  |
|
| โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในยามที่ธรรมชาติพิโรธ
|
|  |
|
|
| "เกดสะหนา" ยังเข้าไม่ถึงฝั่ง แต่ทำให้การจราจรในนครด่าหนังเป็นอัมพาต
|
|  |
|
| ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของคุณครูคนหนึ่งกับนักเรียนอีก 2 คน ที่ถูกต้นไม่หักโค่นลงทับเสียชีวิต ขณะเดินทางกลับบ้าน
|
|  |
|
| น้ำเอ่อขึ้นถึงระดับสะพานข้ามแม่น้ำหอม (Huong)
|
|  |
|
|
| การสัญจรไปมาในนครเหว ก็มีปัญหาไม่ได้ต่างกัน |
|
|