 เอ็ดมันด์ อีมิล เคมเปอร์
ฆาตกรฆ่าตัดคอ"อัจฉริยะ" (คมชัดลึก)
เนื่องจากมีไอคิวสูงถึง 145 "เอ็ดมันด์ อีมิล เคมเปอร์" อาจถือเป็นฆาตกรฆ่าตัดคออัจฉริยะผู้เหี้ยมโหดที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้
เคมเปอร์เกิดเมื่อเดือนธันวาคม 1948 ที่เบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เติบโตมาพร้อมกับน้องสาว 2 คน ในครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ สุดท้ายก็ต้องเลิกราแยกทางกันไป เคมเปอร์ลุ่มหลงความตายและการประหารชีวิตตั้งแต่เด็ก ช่วงหนึ่งเขาถูกส่งไปอยู่กับตายายในไร่ปศุสัตว์ เดือนสิงหาคม 1964 เขาก็ยิงตากับยายตาย โดยให้เหตุผลว่า แค่อยากรู้ว่าจะรู้สึกยังไงกับการฆ่ายาย
ครั้งนั้นเคมเปอร์ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นผู้มีบุคลิกภาพผิดปกติ อันเกิดจากการถูกรบกวนทางอารมณ์ เกิดรอยแผลในใจ เก็บกดจนสติวิปลาส ห่าม ขวางโลก แล้วถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอตาสคาเดโร สเตท สำหรับอาชญากรวิกลจริต จนถึงปี 1969 เขามีอายุ 21 ปีจึงได้รับการปล่อยตัวให้ไปอยู่ในความดูแลของแม่ เคมเปอร์เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ สูงถึง 6 ฟุต 9 นิ้ว หนักเกือบ 300 ปอนด์ ต่อมาได้ซื้อรถขับล่องไปล่องมาตามทางหลวง แรก ๆ ก็เพียงแค่รับเด็กสาวที่โบกรถขออาศัยไปด้วย
เดือนพฤษภาคม 1972 ปฐมบทแห่งฆาตกรต่อเนื่องก็เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง เคมเปอร์ใช้ปืนจี้จับนักศึกษาสาววิทยาลัยเฟรสโน สเตท 2 คน พาขึ้นรถไปยังหุบเขาเปลี่ยวแล้วแทงจนตายทั้งคู่ จากนั้นลงมือตัดศีรษะ หั่นศพ แล้วใช้กล้องโพลารอยด์ถ่ายภาพไว้ ก่อนจะนำศพไปฝังที่เทือกเขาซานตาครูซ แล้วเก็บเฉพาะศีรษะของทั้งสองไว้พักหนึ่งจึงทิ้งไป

4 เดือนต่อมา นักศึกษาสาวชาวญี่ปุ่นวัย 15 ปี ก็พบชะตากรรมเดียวกัน และ 4 เดือนหลังจากนั้นเขาก็เล่นงานเหยื่ออีกราย เป็นนักศึกษาวิทยาลัยคาบริลโล และเลือกเก็บศีรษะไว้ในกล่องตู้เสื้อผ้า ก่อนจะนำไปฝังที่สนามหลังบ้าน โดยวางศีรษะหันไปทางหน้าต่างห้องนอนของแม่ เพียงแค่ "เพราะแม่พูดอยู่เสมอว่าอยากให้มีคนมองแม่"
เดือนกุมภาพันธ์ 1973 เคมเปอร์เห็นผู้หญิงสองคนยืนโบกรถอยู่ที่วิทยาลัยซานตาครูซ เมอริลล์ ที่แม่ของเขาทำงานอยู่ในฝ่ายธุรการ เขารีบโฉบรถเข้าไปรับแล้วระเบิดกระสุนใส่ทันที เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่กลับมาก่อนแล้ว จึงใช้กระโปรงท้ายรถเป็นเขียงหั่นศีรษะศพทั้งสอง ก่อนจะนำเอาศพไปล้างเลือดในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วนำไปทิ้งในหุบเขาเปลี่ยวใกล้ ๆ บ้าน
ตอนรุ่งเช้าวันอีสเตอร์ปีเดียวกัน เคมเปอร์ปฏิบัติการสุดเหี้ยมโหด ด้วยการใช้ค้อนทุบหัวแม่จนตาย แล้วเชือดคอ ตัดศีรษะแยกออกมาใส่ถุงขยะ จากเหตุผลที่ว่า "แม่เป็นหญิงสาร...แผดเสียงตะคอกใส่ผมตลอดเวลาหลายปี สมควรตาย"
หลังจากนั้นจึงเชิญเพื่อนสนิทของแม่คนหนึ่งมากินข้าวมื้อสุดพิเศษที่ บ้าน เมื่อมาถึงแขกผู้รับเชิญพูดขึ้นว่า "นั่งกันเถอะ ฉันเหมือนคนตายแล้ว" แล้วเคมเปอร์ก็จัดการให้ตายจริง ๆ ด้วยการรัดคอแล้วตัดศีรษะ ทิ้งโน้ตให้ตำรวจใจความว่า "แม่ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในอุ้งมือนักฆ่ามหาโหดคนนี้อีกต่อไป เป็นการหลับอย่างรวดเร็วเช่นที่ผมต้องการ...ท่านสุภาพบุรุษที่ต้องทำลวก ๆ ขาดความสมบูรณ์แบบนี้เพราะไม่มีเวลาพอ ผมมีอีกหลายอย่างต้องทำ"
เมื่อจัดการกับศพของเพื่อนแม่แล้ว เคมเปอร์ก็ขับรถของเธอออกจากบ้าน ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหนดี จึงขับไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย มุ่งหน้าไปทางตะวันออกจนถึงเมืองพิวโบล รัฐโคโลราโด จอดรถแล้วโทรศัพท์หาตำรวจซานตาครูซ บอกว่าเขาคือคนฆ่านักศึกษา ตำรวจไม่เชื่อ แต่เขาก็เพียรพยายามโทรกลับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตำรวจโคโลราโดต้องส่งรถไปรับตัวมา
เมื่อพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นฆาตกร จึงถูกนำตัวส่งฟ้องศาล ในชั้นศาลเคมเปอร์ให้เหตุผลที่ฆ่าเด็กสาวเหล่านั้นว่า "ตอนมีชีวิตอยู่ พวกเธอทำตัวเมินเฉย ไม่เข้ามามีส่วนในชีวิตผม ขณะที่พวกเธอกำลังจะถูกฆ่า ผมไม่ได้คิดอะไรนอกจากว่า พวกเธอกำลังจะเป็นของผม นั่นเป็นทางเดียวที่พวกเธอจะเป็นของผมได้"
นอกจากนี้ เคมเปอร์ยังมีความคิดที่ฟังแล้วน่าตื่นตระหนกมาก คือ เขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อบอกตำรวจซานตาครูซว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ร้ายแรงอย่างไร และพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เลวร้ายแค่ไหน เขาเคยคิดจะฆ่าคนในตึกทั้งแถวที่พักอาศัย ไม่เฉพาะที่เขาอยู่เท่านั้น แต่รวมถึงบ้านทุกหลังที่อยู่ใกล้เคียง เบ็ดเสร็จตกราว 10-12 ครอบครัว เป็นการบุกเข้าไปเล่นงานอย่างช้า ๆ แต่เงียบกริบ...

ศาลตัดสินว่าเคมเปอร์มีจิตปกติดีและมีความผิดในข้อหาฆ่าคนตาย 8 กระทง เขาขอให้ศาลลงโทษด้วยการทรมานจนตาย แต่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีการปล่อยตัวออกมาอย่างเด็ดขาด
ภายหลังถูกรับโทษอยู่ในเรือนจำ นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับสภาพจิตของเคมเปอร์และคดีที่ก่อขึ้น พบว่าเขามีไอคิวสูงถึง 145 ไม่กร่าง ไม่ยโสโอหัง ไม่เสียใจที่กระทำผิด เยือกเย็น พูดเสียงเบาและนุ่มนวล ตลอด 5 ปีแรกในคุก เคมเปอร์เรียนรู้เรื่องจิตวิทยาได้มาก สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของตัวเองได้อย่างถูกต้อง เขาเล่าว่า กลยุทธ์รับเหยื่อขึ้นรถโดยไม่ให้เกิดความสงสัย คือ หลังหยุดรถถามเธอว่าจะไปไหน แล้วทำทีมองนาฬิกา คล้ายกับชั่งน้ำหนักดูว่ามีเวลาพอจะไปส่งหรือไม่ วิธีนี้ทำให้พวกเธอเลิกวิตกกังวลและตายใจ เพราะคิดว่าคนที่มีธุระยุ่งคงไม่มาขับรถตระเวนรับผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย
นักจิตวิทยาที่ทำการศึกษาเคมเปอร์ สรุปว่า การฆ่าของเขาเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกซึ่งความคิดที่อยากกำจัดแม่ ผู้วางอำนาจบาตรใหญ่ แม่ผู้ซึ่งเคยพูดว่าเขาไม่มีวันได้แต่งงานกับนักศึกษาสาวสวยที่หลงรักและ เคมเปอร์ก็เชื่อคำพูดนั้น
ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง และที่ปรึกษาศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ให้ความเห็นว่า จากการศึกษาของนักจิตวิทยาชาวอเมริการและตะวันตก มีข้อมูลตรงกันว่า ฆาตกรต่อเนื่องเป็นคนที่มีบุคลิกภาพแปรปรวน คนกลุ่มนี้จะมีความรู้สึกอาฆาตสังคม ต่อต้านสังคม เมื่อภาวะจิตใจต่อต้านหรืออาฆาตมากขึ้น จนถึงขั้นใช้ความรุนแรงฆ่าคน เมื่อเริ่มมีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง สุดท้ายจะติดเป็นนิสัย คนลักษณะนี้จะฆ่าคนต่อไปเรื่อย ๆ คล้ายติดยาเสพติด
สาเหตุที่ทำให้ เกิดฆาตกรต่อเนื่องนั้น ดร.วัลลภ อธิบายว่า มีที่มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ มาจากการเลี้ยงดูของครอบครัวนั้น ๆ ว่ามีบรรยากาศ ลักษณะการเลี้ยงดูอย่างไร ปัจจัยที่สองเกิดจากสังคมสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว กรณีของเคมเปอร์นั้น สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยแรก คือ การเลี้ยงดู ซึ่งเกิดการบ่มเพาะจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก มีการกดดันตัวเขามากเกินไป จนกลายเป็นตัวจุดระเบิดทำให้เขาหาทางออกด้วยการฆ่าคนอย่างต่อเนื่อง |