สินเชื่อด่วนฟาสต์แทร็ก

เมื่อวานนี้ กระทรวงการคลัง ทุ่มโฆษณา "สินเชื่อฟาสต์แทร็ก อนุมัติด่วน" ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 7 แห่ง เร่งปล่อยสินเชื่อกว่า 900,000 ล้านบาท ให้แก่ภาคธุรกิจทุกขนาด ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ โดยจะพิจารณา อนุมัติการขอสินเชื่อภายใน 3-21 วัน

วงเงินสินเชื่อกว่า 9 แสนล้านบาท แบ่งตามสถาบันการเงินต่างๆดังนี้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สินเชื่อบ้านวงเงินจำกัดที่ 15,000 ล้านบาท อนุมัติด่วนภายใน 7 วัน หมดเขต วันที่ 31 ตุลาคมนี้ ธนาคาร เพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ วงเงินจำกัด 3,500 ล้านบาท หมดเขตวันที่ 31 ตุลาคม ธนาคารเอสเอ็มอี วงเงินจำกัด 3,500 ล้านบาท หมดเขตวันที่ 31 ตุลาคม และ ธนาคารอิสลาม วงเงินจำกัด 4,000 ล้านบาท หมดเขตวันที่ 31 ตุลาคม

ส่วนสถาบันการเงินอีก 3 แห่ง จะหมดเขตวันที่ 31 ธันวาคม คือ

ธนาคารออมสิน วงเงินจำกัด 10,000 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ วงเงินจำกัด 22,000 ล้านบาท และ บรรษัทประกัน สินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม  วงเงินค้ำประกันรวม 30,000 ล้านบาท

ว่ากันว่า สาเหตุที่กระทรวงการคลังต้องเร่งให้แบงก์รัฐปล่อยกู้ในครั้งนี้ เพราะสินเชื่อกว่า 9 แสนล้านบาทที่ตั้งเป้าไว้ ยังปล่อยกู้ไปไม่ถึงไหน เพราะคนที่ไม่มีปัญหาทางธุรกิจก็ไม่มีใครกู้  ไม่มีใครอยากเป็นหนี้เพิ่ม  ส่วนคนที่อยากกู้ ก็เป็นคนที่มีปัญหาทางธุรกิจ  มีปัญหาทางการเงิน มีหนี้สินล้นพ้นตัว  กู้ไม่ได้

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำของรัฐบาลที่ผ่านมา ล้วนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เช่น หาว่าแบงก์พาณิชย์ไม่ยอมปล่อยกู้ ก็เลยระดมแบงก์รัฐมาปล่อยกู้เสียเอง ตั้งวงเงินปล่อยกู้ไว้สูงลิ่วกว่า 9 แสนล้านบาท แต่ก็ปล่อยกู้ไม่ได้มาก หรือ เรื่องการแก้หนี้นอกระบบ จะเอาหนี้นอกระบบมาอยู่กับแบงก์ เรื่องหลังนี้ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ

ขนาดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณยังแก้ไม่สำเร็จ แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะแก้สำเร็จหรือ เป็นคำถามที่สังคมมองด้วยความสงสัย

แต่ "ต้นเหตุ" ที่ทำให้สินเชื่อในระบบไม่ขยายตัว ซึ่งมาจาก "การขยายตัวต่ำของเศรษฐกิจไทย" เป็นปัญหาหลักที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน  แต่รัฐบาลกลับแก้ไขอย่างล่าช้า  จน  เอดีบี  หรือ  ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย  จัดอันดับให้  ประเทศไทย  เป็นประเทศที่  มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในอาเซียน และเพิ่มเปอร์เซ็นต์การตกต่ำของเศรษฐกิจจาก ติดลบ 2 ในปีนี้เป็น ติดลบ 3.2

เมื่อเศรษฐกิจไทยมีแต่ติดลบไม่ขยายตัวตามเพื่อนบ้าน  แล้วจะให้นักธุรกิจเขาเสี่ยงกู้เงินไปทำอะไร  กู้ไปเป็นหนี้เพิ่ม  โดยธุรกิจไม่ขยายตัว  นักธุรกิจ ที่มีสติ  ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากกู้  แม้จะอนุมัติด่วนให้ในวันเดียวก็ตาม ก็มี แต่นักธุรกิจที่มีปัญหาเท่านั้นแหละที่อยากจะกู้เงินในช่วงนี้

ยิ่งถ้ามีการ ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ เพื่อเร่งปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิกฤติสถาบันการเงินยุคต้มยำกุ้ง จะหวนกลับมาหลอกหลอนคนไทยอีกครั้ง

สิ่งที่ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องเร่งทำในตอนนี้ ไม่ใช่ การไปไล่จี้แบงก์รัฐให้เร่งปล่อยสินเชื่อ มันเป็นอาชีพและธุรกิจของเขาที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่รัฐบาลจะต้องไป เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัว  ด้วยการ  "สร้างงานสร้างรายได้"  ให้ประชาชนระดับล่าง "เพิ่มกำลังซื้อในประเทศ" ผลิตสินค้าและบริการออกมาแล้วสามารถขายได้ แล้วสินเชื่อทั้งระบบก็จะขยายตัวเอง โดยไม่ต้องเรียกนายแบงก์ไปบังคับ ไม่ต้องมีระบบฟาสต์แทร็กให้วุ่นวาย

แก้ปัญหาแบบผิดฝาผิดช่องอย่างนี้ ทำให้ตายก็แก้ปัญหาไม่ได้

ไม่รู้คิดได้ยังไง ไปผลักดันซัพพลายทางการเงินอย่างเดียว แต่ไม่ สร้างกำลังซื้อดีมานด์ขึ้นมาฉุด ก็มีแต่กอดคอกันเจ๊ง ทั้งผู้กู้และธนาคารที่ให้กู้.

"ลม เปลี่ยนทิศ"