ครูเพลงกล่อมลูกมุสลิมที่มาเสวนาและสาธิตการร้องเพลงกล่อมลูกของชาวไทยมุสลิม ในงาน การนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2552 (Thailand Research Expo 2009) เมื่อเร็วๆ นี้
เนื้อเพลงดังกล่าวเป็นงานวิจัยการวิเคราะห์ทำนองและเนื้อร้องเพลงกล่อมลูกชาวไทยมุสลิม กรณีศึกษา ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ของ น.ส.พัชราภรณ์ เอื้อจิตรเมศ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) นำเผยแพร่ความรู้ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่สนใจ และเคยไปจัดแสดงในงานประชุมวิชาการระดับชาติของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศมาแล้ว
อาจารย์พัชราภรณ์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เพลงกล่อมลูกที่นำมาศึกษาวิจัยจะเน้นในด้านภาษาศาสตร์มากกว่า แต่การศึกษาวิจัยครั้งนี้เน้นการวิเคราะห์เนื้อร้อง ลักษณะท่วงทำนองของเพลง ความน่าสนใจและสะท้อนให้เห็นอัตลักษณ์ของคนในท้องถิ่น ซึ่งภาษาที่ใช้ในเพลงกล่อมลูกของชาวไทยมุสลิมจะเป็นภาษามลายู และภาษายาวี มีความแตกต่างจากภาษาไทยอย่างสิ้นเชิง คนที่ร้องเพลงกล่อมลูกได้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เพลงกล่อมลูกจังหวะแบบเนื้อพื้นบ้าน หรือที่เรียกว่าเพลง เนยๆ ก็คิดว่าน่าจะสูญหายไปในอนาคต หากไม่มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อทำการอนุรักษ์อย่างถูกทาง
เพลงกล่อมลูกที่มีการสืบทอดส่วนใหญ่เนื้อหาเกี่ยวกับหลักคำสอนศาสนาอิสลาม โดยกลุ่มตัวอย่างจะให้ความสำคัญเพลงเหล่านี้มาก ผู้ร้องเพลงกล่อมลูกจะเลือกเนื้อร้องที่เป็นหลักคำสอนของศาสนามาใช้กล่อมเด็ก เพื่อให้เด็กได้ซึมซับหลักคำสอนของศาสนาผ่านเพลงกล่อมเด็ก สะท้อนให้เห็นสภาพทางเศรษฐกิจ ความเชื่อ ค่านิยมต่างๆ เช่น สถาบันทางสังคมอย่างเพลงไทยแลนด์อีสมันยง ที่แปลว่า ประเทศไทยที่รุ่งเรือง เพื่อปกป้องรักษา ยืนหยัดในศาสนา เพื่อให้กลุ่มของเราเจริญรุ่งเรือง เพื่อกอบกู้ที่ดินของเรา เพื่อรักษาประเทศไทยของฉัน
สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของชาวบ้านที่มีต่อสังคม ในด้านความรัก ความผูกพันกับถิ่นกำเนิด การรักถิ่นเกิด บทเพลงนี้เป็นสื่อของความรู้สึกในใจ แสดงออกถึงการปกป้องรักษาประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่า ชาวไทยมุสลิมก็เป็นคนไทยที่มีความรักประเทศไทยเหมือนกับชาวไทยคนอื่น พร้อมทั้งสอนให้มีความรับผิดชอบเพื่อสังคมส่วนรวม ไม่ให้เป็นคนที่เห็นแก่ตัว เป็นชาวมุสลิมที่มีจิตสำนึกเกี่ยวกับสังคม สอนให้ดำเนินชีวิตถูกต้องตามแบบแผนของศาสนบัญญัติที่ได้กำหนดไว้ในนามของพระเจ้า
"อินดี ดารากัย" ผู้จัดการโรงเรียนพัฒนศาสน์วิทยา ต.นาเคียน จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เพลงกล่อมลูกนอกจากจะใช้ร้องขับกล่อมเพื่อให้เด็กนอนหลับสบายแล้ว ยังปลูกฝังให้เด็กมีความเลื่อมใสและศรัทธาต่อพระเจ้า สอนให้เด็กเรียนรู้พระคัมภีร์ และรู้จักศาสนาอิสลาม ที่สำคัญยังมุ่งเน้นการสอนให้เด็กเป็นคนดีตามหลักของศาสนา เมื่อเด็กได้ฟังตั้งแต่เล็กๆ ก็จะซึมซับหลักคำสอนเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กๆ ด้วย