มุสลิมไทยดอทคอม  สหฟาร์มจับมือมาเลย์สร้าง 'ฮับฮาลาล' ยึดครองตลาดอาหารอิสลาม
www.muslimthai.com

ปี 2512 “สหฟาร์ม” ก่อร่างสร้างตัวมาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้ชายที่ชื่อ  “ปัญญา โชติเทวัญ” ด้วยการเลี้ยงไก่สัปดาห์ละ 500 ตัว จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งไก่สดแช่แข็งอันดับ 1 ของประเทศเมื่อปี 2544
   
40 ปีผ่านมา “สหฟาร์ม” เติบใหญ่อย่างแข็งแกร่ง วันนี้มีทุนจดทะเบียน  5,758,000,000 บาท มีทรัพย์สิน 2 หมื่นล้านบาท มีผู้บริหารและพนักงาน 2 หมื่นคน เกษตรกรที่ผูกพันกว่า 100,000 ครอบครัว มีตลาดหลักในต่างประเทศแบ่งเป็นญี่ปุ่น 30 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มสหภาพยุโรป 60 เปอร์เซ็นต์ เอเชีย เกาหลีใต้ และกลุ่มประเทศมุสลิม 10 เปอร์เซ็นต์
   
ประสบการณ์ 40 ปี วันนี้ “สหฟาร์ม” เปิดหน้าใหม่แห่งธุรกิจไก่สดแช่แข็งและไก่สุก ด้วย  การลงนามกับมาเลเซียบุกตลาดอาหาร “ฮาลาล”     ทั่วโลก
   
“ฮาลาล” คือ อาหารที่ไม่มีสิ่งต้องห้ามเจือปน ปราศจาก “นายิส” ซึ่ง “นายิส” ที่สำคัญมีอยู่ 7 ชนิด คือ 1.สุนัจและสุกร 2.สุราของมึนเมาและแอลกอฮอล์ 3.ซากสัตว์ หมายถึงสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดตามหลักการอิสลาม ยกเว้นปลาและตั๊กแตน 4.เลือด  ที่หลั่งริน น้ำเหลือง น้ำหนอง ยกเว้นอวัยวะที่ คล้ายเลือดแต่ไม่ใช่เลือด เช่น ตับ ม้าม 5.ปัสสาวะ อุจจาระ และอาเจียนของสัตว์และมนุษย์ 6.ส่วนที่แยกออกจากสัตว์ขณะที่สัตว์นั้นยังมีชีวิตยกเว้นผมและขน และ 7.นมสัตว์ที่เนื้อของมันไม่อนุญาตให้รับประทาน เช่น นมลา นมแมว นมสุกร นมสุนัข ซึ่งถือเสมือนเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ทั้งหมดนี้จึงจัดเป็น “นายิส”
   
ในตลาดอาหาร    “ฮาลาล” นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามาเลเซียได้รับการรับรองเรื่องความเชื่อถืออยู่ในอันดับต้น ๆ ประกอบ กับมาเลเซียตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็น    “ฮับฮาลาล” ที่ส่งอาหารป้อนมุสลิม 1,700 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งนักการตลาดทั่วโลกต่างจับจ้องที่จะบุกตลาดอาหารชนิดนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวสูง มีการประเมินว่าในปี พ.ศ. 2568 ชาวมุสลิมจะมีสัดส่วนเท่ากับ 30 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก จึงทำให้ตลาดนี้เนื้อหอม ที่หลายประเทศจ้องจะยึดครอง และมาเลเซียก็เป็นเป้าหมายของหลายบริษัทที่ต้องการ  “ตราฮาลาล” เพราะประเทศมุสลิมทั่วโลกต่างให้การยอมรับใน   “ตราฮาลาล” ที่ออกโดยมาเลเซีย เพราะต่างทราบดีว่ามาเลเซียนั้นออก “ตราฮาลาล” ยากที่สุด และการออก “ตราฮาลาล” ให้กับใครนั่นเท่ากับผู้นั้นได้    “ใบเบิกทาง” สู่ประเทศมุสลิมทั่วโลก
   
สหฟาร์มเป็นบริษัทคนไทยเพียงหนึ่ง เดียวที่ได้รับความไว้วางใจจนมาเลเซียที่ออก   “ตราฮาลาล” ให้ และได้มีการลงนามเซ็น สัญญาร่วมกับบริษัทของมาเลเซีย ในการผลิตและจัดส่งเนื้อไก่สดแช่แข็งและไก่สุกไปยังตลาดมุสลิมทั่วโลก โดยมีรัฐมนตรีช่วยประจำสำนักนายกฯ ของมาเลเซียเป็นสักขีพยาน
   
ความสำเร็จครั้งนี้คุณปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริษัท สหฟาร์ม จำกัด บอกให้ฟังว่า “การทำฮาลาลในประเทศมาเลเซีย เหมือนเป็นการเปิดประตูสู่โลกมุสลิมทั่วโลก ผมไม่ได้ทำฮาลาลเพื่อการค้า แต่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อตอบแทนและสำนึกในบุญคุณคนอิสลามที่เชือดไก่ให้ สหฟาร์มจึงประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ และความสำเร็จในวันนี้ก็ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”
   
“การที่เราได้ตราฮาลาลมาจากมาเลเซียครั้งนี้ เราไม่ได้เป็นฝ่ายไปขอเขา แต่เป็นเขาที่เข้ามาดูการเลี้ยงไก่ของเรา เขาเห็นขั้นตอนและกรรมวิธีต่าง ๆ จากการเลี้ยงและชำแหละจนเกิดความมั่นใจว่าเราได้ทำถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลามทุกอย่าง ประกอบกับไก่ที่เราเลี้ยงเราไม่ได้ใช้วัคซีนฉีด แต่เราใช้สมุนไพรไทยในการป้องกันโรค จึงทำให้เราได้รับการยอมรับ” ประธานกรรมการ สหฟาร์มกล่าว
   
มีการประเมินกันว่าตลาด “ฮาลาล” น่าจะมี มูลค่าอย่างต่ำ 500,000 ล้านดอลลาร์ และหากสัดส่วนของประชากรมุสลิมเพิ่มเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลกในระยะเวลา 18 ปีจากนี้ไป มูลค่าการค้าอาหารฮาลาลจะมีสัดส่วนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของการค้าโลก เมื่อบริษัทของคนไทยได้รับ “ตราฮาลาล” ที่รับรองโดยมาเลเซียแล้ว ย่อมหมายความว่าไทยจะกลายเป็นคู่แข่งทางการค้าอาหารฮาลาลที่หลายประเทศจะต้องจับตามอง
   
เกี่ยวกับเรื่องนี้คุณปัญญาเองก็ได้แจกแจงให้ฟังว่า “การที่สหฟาร์มได้ร่วมกับมาเลเซียเพื่อใช้เป็นฐานในการจายอาหารฮาลาลไปขายทั่วโลก จะทำให้ไก่สดภายในประเทศได้ระบายออก ทำให้โรงงานไก่ทั่วประเทศได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ด้วย เกษตรกรที่ผลิตพืชเป็นอาหารสัตว์ก็จะได้รับผลตอบแทนเช่นกัน เพราะเมื่อไก่ขายได้อาหารสัตว์ก็ขายได้ เนื่องจากไก่ 1 ตัว กว่าจะขายได้จะต้องกินอาหารถึง 5 กิโลกรัม และเมื่อเราส่งออกไก่สดแช่แข็งเป็นจำนวนมาก นั่นก็เท่ากับเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไปในตัวด้วย”
   
แม้ประเทศไทยจะมีการออก “ใบฮาลาล” ให้กับผู้ประกอบการด้านอาหาร แต่ผู้ประกอบ การเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถที่จะก้าวข้ามเส้นแบ่งเข้าสู่เวทีการค้าระดับโลกในสินค้าประเภทนี้ได้ แต่วันนี้สหฟาร์มได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งไปเรียบร้อยแล้ว หากเป็นทหารก็ต้องถือเป็นหน่วยหน้าที่เข้าสู่สมรภูมิ เป็นสมรภูมิที่ต้องต่อสู้กันด้วยคุณภาพและมาตรฐานของอาหาร เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ 40 ปีในธุรกิจนี้ “สหฟาร์ม” จะสร้างชื่อให้ทั่วโลกยอมรับในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของคนไทย.