ลุ้นศาลฎีกาชี้ชะตา'บุญจง'หลังโดนแดง

ลุ้นศาลฎีกาชี้ชะตา "บุญจง วงศ์ไตรรัตน์" : ขยายปมร้อน โดย สมถวิล เทพสวัสดิ์

ระหว่างที่หลายฝ่ายมุ่งความสนใจไปที่การ "แถลงนโยบายต่อรัฐสภา" ช่วงบ่ายก็มีข่าวมาจาก "สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง" ระบุมาว่าที่ประชุม "คณะกรรมการเลือกตั้ง" (กกต.) มีมติ 3 ต่อ 2 เสียงให้ใบแดง "บุญจง วงศ์ไตรรัตน์" ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ในข้อหาจัดเลี้ยงช่วงที่มีการจัดการเลือกตั้งซ่อม เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2553

 ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงถือว่าเป็นการพิจารณาให้ "ใบแดง" หลังจากสภายุครัฐบาลอภิสิทธิ์สิ้นสภาพไปแล้ว

            ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเกิดคำถามตามมาหลายเรื่อง !

            เมื่อสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสภาพไปแล้วการที่ "กกต." มีมติให้ "ใบแดง" กับ "บุญจง" จะมีผลย้อนหลังส่งผลต่อการเลือกตั้งใหม่หรือไม่อย่างไร เพราะสภาสิ้นสภาพไปแล้ว และเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ได้มีการเลือกตั้งสภาชุดใหม่และเข้าปฏิญาณตนรับตำแหน่งเรียบร้อยไปแล้ว

            การเลือกตั้งซ่อมจะกระทำได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในช่วง ส.ส.มีสมาชิกภาพเป็น ส.ส.ไม่ใช่อยู่ช่วงที่สภาสิ้นสุดไปแล้ว

            ขณะที่ "สมชัย จึงประเสริฐ" กรรมการการเลือกตั้ง ได้ชี้แจงว่า คดีของ "บุญจง" เป็นคดีเก่าจากสำนวนการเลือกตั้งซ่อมเมื่อปี 2553 กกต.เพิ่งจะพิจารณาเสร็จและจากมติของที่ประชุม กกต.เสียงข้างมากเห็นว่า "บุญจง" ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แม้จะสั่งให้เลือกตั้งซ่อมไม่ได้ แต่การกระทำความผิดยังคงอยู่ กกต.จึงให้ "ใบแดง"

            และจากมติการให้ "ใบแดง" ครั้งนี้ได้ส่งผลการนำไปสู่การเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี กกต.จึงรวบรวมสำนวนส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อพิจารณาคำวินิจฉัย

            ดูเหมือน "สมชัย" เองก็ทราบดีว่า "บุญจง" แม้มีสมาชิกภาพเป็น ส.ส.แต่เป็น ส.ส.ที่เลือกตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไม่ได้มีสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ในช่วงการเลือกตั้งปี 2553 ดังนั้นเรื่องการเลือกตั้งซ่อมจึงไม่เกิดขึ้น

            จึงฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งในประเด็นเอาผิด "โทษทางการเมือง" เพื่อให้มีการเพิกถอนสิทธิทางการเมืองแก่ "บุญจง" เป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งความผิดทางคดีอาญา ซึ่งแยกกันคนละคดีกัน

            ซึ่งเป็นตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อศาลฎีกาได้มีคำตัดสินว่า "บุญจง" ได้ทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง อาจจะต้องส่งให้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ทำให้ "บุญจง" พ้นจากสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. แต่การสั่งเลือกตั้งใหม่จะถูกจำหน่าย เพราะสภาชุดที่ผ่านมาได้สิ้นสุดลง

            การที่ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งดำเนินการโทษทางการเมือง เนื่องจากอำนาจของ กกต.ทำได้ก่อนประกาศการเลือกตั้งเท่านั้น หลังจากประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วอำนาจจะตกอยู่กับศาลฎีกา

            จึงต้องดูว่าหลังจาก "กกต." ส่งสำนวนไปให้ "ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง" จะวินิจฉัยรับหรือไม่รับฟ้องตามสำนวนความเห็นของ "กกต." อย่างไร

            ในเรื่องนี้ "โคทม อารียา" อดีต กกต.ได้แสดงความเห็นสถานะของ "บุญจง" ว่า หากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษาเห็นด้วยกับความเห็นของกกต.ความผิดทางอาญาต้องมีโทษจำคุก จะทำให้ "บุญจง" อาจจะต้องพ้นสถานะความเป็น ส.ส. ส่วนความผิดทางด้านการเมืองจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

            "กรณีของคุณบุญจง ยังไม่ถือว่าคดีหมดอายุความ แม้ว่าจะผ่านพ้นรัฐบาลในชุดของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่คุณบุญจงร่วมรัฐบาลไปแล้วก็ตาม แต่คดีก็ยังคงจะต้องดำเนินต่อไป ส่วนจะมีการยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น เนื่องจากคุณบุญจงมีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค อาจจะเข้าข่ายถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ คงจะต้องดูสำนวนของกกต.ว่ากกต.จะฟ้องเอาผิดกับกับคุณบุญจงในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรคหรือไม่อย่างไร"

            ในประเด็นการยื่นเสนอยุบพรรคภูมิใจไทย "สมชัย" ได้ชี้แจงว่า ต้องรอผลการวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งก่อนว่าจะรับคำร้องตามสำนวนของกกต.หรือไม่ หากรับคำร้องเรื่องการพิจารณายุบพรรคก็จะมาดำเนินการอีกขั้นตอนหนึ่ง

            หากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องของ "กกต." ขึ้นตอนต่อจากนี้ "กกต." จะเสนอเรื่องส่งไปยัง "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งซ่อมของ "บุญจง" เมื่อปี 2553 จะส่งผลให้ "บุญจง" ต้องขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ในปัจจุบันหรือไม่

            ดังนั้น คำวินิจฉัยของ "ศาลฎกาแผนกคดีเลือกตั้ง" จะเหมือนเป็นผู้กำหนดการทำหน้าที่ส.ส.ในสภาของ "บุญจง"

            ที่สำคัญจะเป็นผู้กำหนดชะตาการคงอยู่ของ "พรรคภูมิใจไทย" ว่าจะถูกยุบเหมือนพรรคการเมืองอื่นหรือไม่

ที่มา : คมชัดลึก