คนเสื้อแดงยอมศิโรราบ ‘ยิ่งลักษณ์’ เลิกหวังเก้าอี้รัฐมนตรี - เดินหน้าสกัด ปชป.สร้างมวลชน

       วงในแดงยอมรับไร้พลังต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หวังเพียง ‘ณัฐวุฒิ’ได้ 1เก้าอี้ ก็สุดคุ้ม เชื่อแม้วยกตำแหน่ง “ที่ปรึกษา-คณะทำงาน” ตอบแทนคนอกหัก ขณะเดียวกัน อัปเปหิ “จักรภพ-ใจ” อยู่นอกวงคนเสื้อแดงแล้ว ลั่นเดินหน้า ‘ 3 ภารกิจหลัก’ พร้อมปฏิบัติงาน 2ขา เพื่อสกัดปชป.สร้างฐานมวลชน ขู่บิ๊กเพื่อไทยห้ามทิ้งมวลชนคนเสื้อแดง หากผิดคำสัญญาระวัง!เสื้อแดงจะกลายเป็นหอกข้างแคร่รัฐบาลยิ่งลักษณ์
       
       การต่อสู้ในทางการเมืองตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ของทั้งในสภาและนอกสภา จนนำไปสู่การก่อกำเนิดของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีการวางรากฐานในระดับลึกในทุกภูมิภาค ที่ใช้ทั้งสื่อวิทยุชุมชน แกนนำระดับพื้นที่ ที่ประสานกับส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ทำหน้าที่ 2ขาทั้งการเมืองในสภาและการเมืองภาคประชาชนจนนำมาเป็นส่วนหนึ่งของผลสำเร็จจากชัยชนะในการเลือกตั้ง ด้วยตัวเลข 265 เสียง และดันยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย
       
       พร้อมเบรกเกมสายล่อฟ้า 
       ค้ำยัน “ยิ่งลักษณ์” 
       
       แน่นอนว่า การเติบโตของกลุ่มคนเสื้อแดงที่แม้ว่าแรกเริ่มจะค่อนข้างอ่อนแอไร้ความเป็นเอกภาพ แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาความเป็นเอกภาพมีมากขึ้น จนขนาดที่แกนนำพร้อมประกาศว่าสามารถ เป่านกหวีดได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา ในการชุมนุมซึ่ง ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อยที่ช่วยให้พรรคเพื่อไทยชนะ โดยยึดหลักการว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย คือเครื่องมือของมวลชน เท่านั้น
       
       ดังนั้น ชัยชนะส่วนหนึ่งจากการเลือกตั้งซึ่งหากมองว่า มาจากแรงหนุนของมวลชนคนเสื้อแดงก็สามารถมองได้ แต่หากจะนำมาชี้วัดถึงผลตอบแทนทางการเมืองโดยเฉพาะเก้าอี้รัฐมนตรี ก็อาจไม่ง่ายนัก แต่การหนุนช่วยรัฐบาลในระยะยาวย่อมสำคัญกว่ามาก และคนเสื้อแดงก็ต้องเลือกยุทธวิธีเพื่อลดดีกรีร้อนหรือลดแรงเสียดทานทางการเมืองเพื่อนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ โดยเฉพาะการลดปัญหา 2มาตรฐาน
       
       "การแย่งชิงบทบาทมีในทุกองค์กร คนเสื้อแดงก็มีความขัดแย้ง พยายามแย่งชิงการนำ แต่ทุกอย่างจบลงได้ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแต่ก็สามารถทำงานในจุดอื่นๆได้ หรือเรื่องโควต้าในวันนี้อาจต้องยอมๆกันไป เนื่องจากวันนี้ต้องการรัฐมนตรีที่ดี หน้าตา ครม.ที่ดีที่สุด"
       
       สงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าว พร้อมมองว่า บทบาทของส.ส.สายคนเสื้อแดง หรือ บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงที่กำลังได้ดีกับการเมืองในสภาก็สามารถทำงานในสภาได้ในส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ไม่ได้ก็จะยังคงมีพื้นที่ในการทำงานเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ไปจนถึงในรายของส.ส.ระบบเขตก็ยังมีเก้าอี้ของประธานคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ไปจนถึงคณะทำงานในแต่ละกระทรวงที่จัดตั้งขึ้นมาพิจารณานโยบายของกระทรวงต่างๆก่อนที่จะตัดสินใจ โดยที่ไม่ต้องมีตำแหน่งรัฐมนตรีก็ได้
       
       ทั้งนี้ ยอมรับว่า หน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่จะค้ำยันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้เดินต่อไปได้ จำเป็นต้องมีมือดี และเป็นที่น่าเชื่อถือ ซึ่งในกลุ่มของคนเสื้อแดง ก็มองว่าแม้จะได้เพียง เก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เท่านั้นก็เพียงพอ เนื่องจากเบื้องต้นต้องคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลก่อน
       
       แดงไร้พลังต่อรอง 
       เน้นสร้างฐานชนปชป. 
       
       อย่างไรก็ดี สถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ย้ำว่าแม้พลังเสื้อแดงจะช่วยให้พรรคชนะได้ แต่การจะได้ทุกสิ่งตามที่มุ่งหวังอาจไม่ง่ายนัก ซึ่งการจะมีส.ส.หรือ รัฐมนตรีมาจากแกนนำคนเสื้อแดง ก็ไม่สามารถทำได้ตามที่ต้องการมากนัก เพราะเป็นเพียงกลุ่มหนึ่งในพรรค ซึ่งหากมีพรรคเสื้อแดงจริงก็จะทำตามที่ต้องการได้หมด แต่ขณะนี้ก็ต้องหวังว่า พรรคจะสามารถทำตามที่มวลชนต้องการในประเด็นสำคัญๆได้ก่อนเป็นสำคัญ
       
       เขายังกล่าวถึงจุดสำคัญที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องมองก็คือ การที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมที่จะสร้างฐานมวลชนจากการจัดตั้งโรงเรียนประชาธิปไตยสีขาว หรือลงมาใช้สื่อเพื่อสร้างมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มี หลักคิด หรือรูปแบบกระบวนการที่ชัดเจน แต่ในฝั่งของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังต้องเดินหน้าเพื่อรักษาฐานมวลชนต่อไป ซึ่งส.ส.จากสายเสื้อแดงก็จะต้องเดินใน 2 ขา คือ การทำงานในสภาและทำงานมวลชนควบคู่กันไป
       
       สำหรับ ในรายของธิดา ถาวรเศรษฐ์ หรือ นพ.เหวงโตจิราการ ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ใช้แนวทางการสร้างโรงเรียนคนเสื้อแดง ก็จะยังต้องเดินต่อไป ขณะที่ สายอื่นๆทั้งในสายเหนือ ก็ทำการเดินหน้าผลักดัน สภาแดงล้านนาต่อไป ซึ่งเปลี่ยนบทบาทจากการตรวจสอบเป็นการทำงานในเชิงนโยบาย เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ขณะที่สายภาคอีสานของ ขวัญชัย ไพรพนา ก็ยังคงทำหน้าที่และยังได้รับการยอมรับจากพรรคอยู่พอสมควรแม้ว่าจะไม่ได้เป็นส.ส.ก็ตาม
       
       “ขวัญชัยเลือกที่จะไม่ลงส.ส.แม้ว่าจะมีฐานมวลชนที่ดีมากคนหนึ่ง แต่ก็มองที่พรรคเป็นตัวตั้งว่าจะต้องชนะการเลือกตั้งก่อน แต่ในกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีหลายแนวคิด ซึ่งพรรคไม่สามารถทำให้ได้ทั้งหมด แต่จะตอบโจทย์สำคัญให้ได้ หรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอื่นๆทั้ง การไม่ยอมรับการทำงานของ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ของกลุ่ม สุพร อัตถาวงศ์ หรือ ชินวัฒน์ หาบุญพาด ก็ถือว่าแต่ละกลุ่มมีแนวคิดและวิธีการที่ค่อนข้างแตกต่างกันซึ่งเมื่อใดก็ตามที่รู้ว่าไม่เกิดประโยชน์ก็จะยุติบทบาทลง” สงวน ระบุ
       
       ขณะที่ในกลุ่มของ จักรภพ เพ็ญแข หรือ ใจ อึ๊งภากรณ์ ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศนั้น ถือว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา บทบาทภายในพรรคและยิ่งในกลุ่มคนเสื้อแดงถือว่าลดน้อยลง รวมถึงมิได้ผ่านการนำมวลชน ผ่านเหตุการณ์ต่างๆร่วมกับมวลชน และยิ่งเคลื่อนไหวในทิศทางที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ยากที่จะได้รับการสนับสนุน ทั้งจากผู้ใหญ่ในพรรคหรือคนเสื้อแดง
       
       ย้ำชัด ต้องเก็บ 
       “คนเสื้อแดง” ไว้ 
       
       สงวน ยังบอกอีกว่า ฐานเสียงของมวลชนคนเสื้อแดง ก็คือส่วนหนึ่งของชัยชนะจากการเลือกตั้ง ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งถูกซื้อใจ โดยการให้พื้นที่ทางการเมืองในสภา ทั้งในระบบส.ส.เขต และระบบปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งคือวิธีในการอยู่ร่วมกันของพรรคเพื่อไทยและมวลชน ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเลือกที่จะทำ ซึ่งจะต่างๆจากของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีมวลชนสนับสนุนแต่สุดท้ายก็ไม่ทำตามมวลชนจนต้องกลับมาสร้างมวลชนใหม่
       
       "ส.ส.ที่ลาออก หรือ ส.ส.ที่ประกาศตัดคนเสื้อแดงออกจากระบบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งก็จะถูกฐานเสียงของคนเสื้อแดงตัดออก เนื่องจากถูกมองว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน เหมือนที่เกิดขึ้นกับ ตระกูอดิเรกสารที่ออกจากพรรคไป หรือ ตระกูลฉายแสงก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งเลย หรือสมชาย เพศประเสริฐ ก็จบลงเช่นกัน "
       
       ขณะที่ แหล่งข่าว ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชนะด้วยฐานเสียงของคนเสื้อแดงก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่จริงนั้นมาจากปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ก็คือ 1.ความเชื่อมั่นในโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีความน่าเชื่อถือ มวลชนจึงค่อนข้างมั่นใจในการทำงาน 2. ยิ่งลักษณ์ มีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่น สามารถจุดกระแส“นายกหญิง”ได้ 3.ส.ส.ในพื้นที่รักษามวลชนและมีผลงานอยู่บ้าง 4.มวลชนคนเสื้อแดง ถือเป็นเพียง 1ใน 4 ปัจจัย ในการได้รับชัยชนะ ซึ่งหมายความว่า ตำแหน่งสำคัญ ยังคงต้องอิงส่วนรวมเป็นหลัก
       
       3 ปัจจัยสำคัญ 
       รักษามวลชน 
       
       ด้วยเหตุ นี้ แกนนำคนเสื้อแดงที่ ส่วนหนึ่งก็จะได้รับตำแหน่ง ส.ส.หรือบางส่วนจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ พันธกิจสำคัญที่แกนนำคนเสื้อแดงต้องทำ ก็คือ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องมีการเดินหน้าโดยมวลชน ผ่านรูปแบบของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) และการทำประชามติ 2.การสืบสวนและลงโทษกรณีการสลายการชุมนุมของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับคดี 91 ศพ และผู้ที่ถูกกุมขังอยู่ในขณะนี้ 3.การลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะจากภาวะค่าครองชีพที่ ค่าแรง 300 บาท ต่อวัน ไปจนถึงเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรี ที่จะต้องผลักดันให้เป็นผลสำเร็จ
       
       "คนเสื้อแดงขณะนี้ก็ยอมรับการทำงานของพรรคเพื่อไทย เพราะอย่างน้อยก็ให้ทำงานที่พวกเขาต้องการได้ ซึ่งหากไม่ทำตามสัญญา ละทิ้งมวลชน ก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเจอแรงกดดันจากคนเสื้อแดงขึ้นมาก็ได้"
       
       ดังนั้น หากมองไปยังเป้าหมายของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ตั้งเป้าไปยังการแก้ไขปัญหา 2มาตรฐาน ซึ่งเป็นโจทย์เดิมที่คนเสื้อแดงมุ่งหวังคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ ก็อาจนำไปสู่อาการที่น่าเป็นห่วงเพราะบรรดาแรงหนุนจากมวลชนคนเสื้อแดงก็มีสิทธิ์จะกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่โจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในอนาคตหรือไม่..ต้องจับตา!

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์