เขาคือใคร? "อันเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก" เจ้าของหัตถ์สังหารเลือดเย็น 93 ศพ
ผลการศึกษาเรื่องสันติภาพของโลก จัดอันดับประเทศจากทั้งหมด ชี้ว่า นอร์เวย์เป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก สิ่งที่นำมาประกอบการวิเคราะห์ว่าประเทศใดจะสงบสุขไม่สงบสุขมากน้อยเพียงใดนั้น ประกอบไปด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น การครอบครองอาวุธของคนในประเทศ และระดับอาชญากรรม, ค่าใช้จ่ายของกองทัพประเทศนั้นๆว่าสูงเพียงใด, การคอร์รัปชัน, การให้ความใส่ใจต่อสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชนในประเทศ ฯลฯ
วันที่ 22 ก.ค. 2011 เกิดเหตุโจมตีขึ้นสองครั้งซ้อนในกรุงออสโล ที่อาคารสำนักงานนายกรัฐมนตรี แรงระเบิดทำให้ตึงพังเสียหายร้ายแรง
อีก 2-3 ชั่วโมงต่อมา เกิดเหตุซึ่งผู้อยู่ในเหตุการณ์อธิบายว่าเป็นชายผมบลอนด์ สูง นัยน์ตาสีฟ้า พูดภาษานอร์เวย์ อายุราว 30-40 ปี แต่งตัวเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงเข้าใส่กลุ่มนักเรียน ส่วนใหญ่อายุ 14-18 ปี ที่เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคแรงงานของนอร์เวย์ บนเกาะอูโทยา
รวมผู้เสียชีวิตจากทั้ง 2 เหตุการณ์แล้วอย่างน้อย 93 คน เป็นเหตุโจมตีที่รุนแรงที่สุดในยุโรปตะวันตกในรอบ 7 ปี และรุนแรงที่สุดในดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ตำรวจนอร์เวย์ บอกว่าเขาชื่อ อันเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก อายุ 32 ปี

ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่านี่คือส่วนหนึ่งของกระบวนการก่อการร้ายสากล หรือความผิดเพี้ยนจากจิตของคนที่มีความเชื่อทางการเมืองหรือศาสนาหรือสังคมสุดขั้วที่ควบคุมสติของตนไม่ได้ชั่วขณะ
ชาวนอร์เวย์ที่ไม่เคยเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดในสังคมของตนได้ ต่างตกอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวนและช็อค
สื่อนอร์เวย์ฉบับหนึ่งพาดหัวใหญ่ว่า "การสังหารหมู่ในแดนสวรรค์" (Massacre in Paradise)
นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่า ระดับความโหดร้ายของเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำลายภาพธรรมชาติอันงดงามของประเทศที่มองตนเองว่ามีความสงบ อีกทั้งยังทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งใช้นอร์เวย์เป็นสถานที่มอบรางวัล
99% ของชาวนอร์เวย์เชื่อว่านี่เป็นฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงชาวมุสลิม หลายคนช็อคซ้ำสอง เมื่อได้รู้ว่า ผู้ที่ก่อการร้าย ไม่ใช่ชาวมุสลิมดังที่มีการคาดไว้ตั้งแต่แรก แต่เป็นประชาชนชาวนอร์วีเจียน สายเลือด ลูกหลาน และพี่น้องร่วมประเทศของตนเอง

ในวันเกิดเหตุ เบรวิกแต่งตัวเป็นตำรวจ อ้างว่ามาช่วยปกป้องเยาวชนที่ค่ายบนเกาะที่จัดโดยพรรคเลเบอร์ที่เป็นรัฐบาลอยู่ขณะนี้ หลังจากเกิดเหตุระเบิดในเมืองหลวงสามชั่วโมงก่อนหน้านั้น ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีกเกือบร้อย
เยาวชนบนเกาะซึ่งกำลังตระหนกกับข่าวระเบิด จึงเชื่อคำกล่าวอ้างว่าเขาคือตำรวจที่จะมาช่วยคุ้มครอง แต่ไม่ทันไร เขาก็ใช้ปืนกราดยิงใส่ทุกคนอย่างไม่เลือกหน้า
เบื้องต้นตำรวจบอกว่ามือปืนคนนี้เป็น "ชาวคริสต์หัวรุนแรงที่เชื่อมโยงกับกลุ่มฝ่ายขวา" (Christian fundamentalist with right-wing connections) ที่เคยเขียนไว้ว่าเขาต่อต้านสังคมที่ยอมให้คนหลายศาสนามาอยู่ร่วมกัน
เขาเคยเป็นสมาชิกกลุ่มเว็บบอร์ด"นีโอนาซี" ของสวีเดนที่ใช้ชื่อว่า "Nordisk"
บทความตอนหนึ่งที่คาดว่าเขาเป็นผู้เขียนกล่าวไว้ว่า เขาเชื่อว่าชาวมุสลิมกำลังเข้ามายึดครองยุโรปตะวันออก เขาโทษความเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรม และโทษวัฒนธรรมแบบมาร์กซิสม์ ที่ทำให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ในการแสดงความเห็นครั้งหนึ่งเมื่อเดือนธ.ค. 2009 อันเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก อ้างว่า จะไม่มีประเทศใดที่ชาวมุสลิมจะได้อาศัยอยู่อย่างสงบสุขร่วมกับคนที่ไม่ใช่มุสลิม
เขาเปิดบัญชีในเฟซบุ๊คเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมและเรียกตัวเองว่าเป็น "คริสเตียนหัวอนุรักษ์นิยม"
เขาเขียนทวิตเตอร์เพียงข้อความเดียว อ้างนักปรัชญาชื่อดัง จอห์น สจ็วร์ต มิลล์ ว่า "One person with a belief is equal to the force of 100,000 who have only interests." แปลว่า "คนคนเดียวที่มีความเชื่อมีพลังเท่ากับคนหนึ่งแสนคนที่มีแค่ความสนใจ"
เบรวิคแสดงความปรารถนาของตนที่จะเป็นอัศวินเทมพลาร์ (Templar Knight) ผ่านการโพสต์วิดีโอลงยูทูบยาว 12 นาที โดยใช้ชื่อว่า "Knights Templar 2083" เผยให้เห็นภาพถ่ายของเบรวิกหลายรูป โดยหนึ่งในนั้นเป็นรูปที่เขาสวมชุดประดาน้ำแบบหน่วย "ซีล"ของกองทัพเรือ พร้อมกับโพสท่าทางกำลังเล็งปืนกลอยู่ นอกจากนี้ยังมีคำบรรยายใต้ภาพหนึ่งระบุว่า "ก่อนที่พวกเราจะทำสงครามครูเสดของเรา พวกเราจะต้องทำหน้าที่ด้วยการทำลายมาร์กซิสม์จนย่อยยับเสียก่อน" ทั้งนี้ อัศวินเทมพลาร์เป็นองค์กรภาคีทหารคริสเตียนซึ่งรุ่งเรืองในยุคสมัยกลาง และมีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามครูเสด

หนังสือพิมพ์ Verdens Gang ของนอร์เวย์ อ้างคำกล่าวของเพื่อนของเขา ซึ่งบอกว่าเขาเป็นพวก "ขวาสุดโต่ง" (right-wing extremist) ตั้งแต่ที่เขาอายุ 20 ปีเศษ
และดูเหมือนว่าเขาไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใดๆกับกองทัพ และไม่มีประวัติอาชญากรรมใดๆ ตำรวจเผยว่าเขายอมวางอาวุธหลังถูกร้องขอ และหลังจากที่เขากราดยิงเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ไปแล้วนานกว่า 90 นาที
นักข่าวนอร์เวย์อีกคนหนึ่งที่ตรวจประวัติส่วนตัวของเขา บอกว่ามือปืนคนนี้เคยเป็นสมาชิกพรรคโพรเกรส (Progress Party) พรรคใหญ่อันดับสองของประเทศ ในปี 1999 และเป็นพรรคฝ่ายขวาซึ่งมีนโยบายการต่อต้านนโยบายการให้ต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ ก่อนที่จะมีรายงานว่าเขาจ่ายค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2004 และชื่อของเขาถูกตัดออกจากบัญชีผู้ลงทะเบียนเมื่อปี 2006
ข้อความตอนหนึ่งของไดอารี่ออนไลน์มากกว่า 1,500 หน้า ที่เขียนไว้เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2009 เผยให้เห็นบันทึกของนายไบรวิก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการทำระเบิด ทัศนคติทางการเมืองที่โจมตีแนวคิดมาร์กซิสม์ และแนวคิดด้านลบต่อศาสนาอิสลาม รวมทั้งข้อความตอนหนึ่งขณะที่เขากำลังบรรยายแผนการโจมตีที่ระบุว่า "ตนจะถูกตราหน้าว่าเป็นอสูรร้ายแห่งนาซี ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้เคยแสดงความเห็นไว้ว่า ระบบสังคมนิยมของนอร์เวย์กำลัง "ทำลายประเพณี วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งยังทำให้สังคมอ่อนแอและสับสน"
เขาเกิดและโตที่กรุงออสโล หลังจากเรียนจบทางบริหารธุรกิจ จากออสโล สคูล ออฟ เมเนจเมนต์ (Oslo School of Management) หลังจากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนย้ายออกจากเมืองหลวงไปทำฟาร์มเองเมื่อสองปีก่อน
เชื่อว่าเขาเปิดบริษัทเบรวิค จีโอฟาร์ม (Breivik Geofarm) โดยเป็นเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว เพื่อเพาะปลูกพืชผัก แตงโม พืชมีหัว เพื่อบังหน้า เพื่อที่จะซื้อปุ๋ยที่เป็นส่วนผสมในการทำระเบิดมาได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย โดยบริษัทที่จัดส่งเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆกล่าวว่า ตนได้ส่งปุ๋ยเป็นจำนวน 6 ตัน ให้แก่นายเบรวิกเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาเขาจึงเริ่มสะสมอาวุธปืน รวมถึงการเข้าร่วมชมรมยิงปืนในปี 2005 เพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการครอบครองอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ Glock 17 ในอีก 6 ปีต่อมา
ในเฟซบุ๊ค เขาบอกว่าเขานิยมวีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่สองของนอร์เวย์ ที่ชื่อแม็กซ์ มานัส (Max Manus) และระบุหนังสือที่ชอบเป็นพิเศษว่าคือ "The Trial" ที่เขียนโดย ฟรานซ์ คัฟก้า (Franz Kafka) กับอีกเล่มหนึ่ง คือ "1984" เขียนโดยจอร์จ ออร์เวลล์
เพื่อนเก่าของเขาคนหนึ่งกล่าวว่า เขาแทบไม่หลงเหลือความเป็นเด็กชายคนที่ตนเคยรู้จัก หนึ่งในเพื่อนสมัยเด็กที่เข้าขากับเขามาจากตะวันออกกลาง ทั้งสองสนิทกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงมัธยมต้นและไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า เขาเคยซื้อไวน์ฝรั่งเศสปี 1979 มา 3 ขวด และเปิดฉลองร่วมกับครอบครัวหนึ่งขวดในวันคริสต์มาส เพื่อฉลองให้กับ"แผนปฏิบัติการความทุกข์ทรมาน"ที่กำลังจะมาถึง
วิกิลีกส์เคยแฉว่า รัฐบาลนอร์เวย์ไร้ความสามารถในการแกะรอยกลุ่มมุสลิมก่อการร้ายที่อยู่บนผืนดินของตน และการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ ไม่ระแคะคะคายต่อแผนการก่อการร้ายในบ้านของตนเองอีกเช่นกัน
หากพบว่าเบรวิกมีความผิดจริง เขาจะได้รับโทษจำคุกสูงสุดตามกฎหมายนอร์เวย์ คือจำคุก 21 ปีเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าเขารับโทษจำคุกเพียง 82 วันต่อการสังหารคน 1 คน
ขณะที่ในเฟซบุ๊คได้มีการก่อตั้งกลุ่ม "Anders Behring Breivik" ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแล้วกว่า 5,634 คน หลายคนแสดงความเห็นว่า "ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสังหารเสียจนฉันคิดว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่” โดยต้องการให้เบรวิกถูกประหารชีวิต
หนังสือพิมพ์อาฟเทนโพสเทนในกรุงออสโล รายงานว่า นายเบรวิกกล่าวกับตำรวจว่า เขามีเป้าหมายทำร้ายนางโกร ฮาเลม บรันด์แลนด์ อดีตนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์
นางบรันด์แลนด์ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ 3 ครั้ง ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 เธอได้รับการยกย่องว่าเป็น "มารดาของประเทศ" ซึ่งตามกำหนดการเธอเดินทางมากล่าวสุนทรพจน์บนเกาะแห่งนี้ก่อนที่นายแอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก จะลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญได้เพียงวันเดียว
ชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามชมนิยายเรื่องยาวนี้อย่างใกล้ชิด
ที่มา : มติชนออนไลน์ |