กกต.เมินคืนสิทธิ ใช้สิทธิล่วงหน้าไม่ทันอด
กกต.ปัดข้อเสนอพีเน็ตคืนสิทธิผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิลต.ล่วงหน้า ไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งจริงได้ เชิญ 11 ประเทศ สังเกตการณ์การเลือกตั้ง หวังให้เป็นที่ยอมรับ
(30มิ.ย.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 ก.ค.นี้ว่า กกต.ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตรวจสอบรายชื่อในหนังสือที่นายทะเบียนท้องถิ่นได้แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยังเจ้าบ้านว่าตนเองมีชื่ออยู่บัญชีดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้ยังสามารถตรวจสอบได้ที่เทศบาล ที่ว่าการอำเภอ และหน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือในเว็บไซต์คนไทยดอทคอม www.khonthai.com ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งในเวลา 08.00-15.00 น. วันที่ 3 ก.ค.
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด แต่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามมาตรา 97 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ระบุว่าหากใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดที่ลงทะเบียนไว้ และให้หมดสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งเดิมที่มีสิทธิ์จนกว่าจะมีการลงทะเบียนเปลี่ยนแปลง จึงไม่สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.ได้อีก เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิในวันดังกล่าวต้องไปแจ้งเหตุที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิต่อนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านั้นยังสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ในวันที่ 3 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต)เปิดเผยข้อมูลว่า ในวันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักรที่ไม่ได้เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และตกค้างจำนวนมาก จึงต้องการให้กกต.คืนสิทธิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.ได้ นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในกฎหมายมาตรา 97 และมาตรา 101 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ระบุไว้ชัดเจน
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการไปแจ้งเหตุที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเพื่อรักษาสิทธิของตนเองไว้
เมื่อถามว่า ในส่วนของปัญหาข้อปฏิบัติกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงเวลา15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดหีบบัตรเลือกตั้งแล้ว ทางกกต.ได้วางแนวปฏิบัติให้กับกรรมการประจำหน่วยอย่างไร นายประพันธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง และทุกหน่วยเลือกตั้งก็มีนาฬิกาที่แสดงเวลาไว้ชัดเจน ทั้งนี้ขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาเดินทางมาเลือกตั้งตั้งแต่ในช่วงเช้า เพื่อป้องกันปัญหามาไม่ทันเวลา 15.00 น. เตรียมพิจารณาใบแดงศรีสะเกษ1ก.ค.นี้
นายประพันธ์ กล่าวถึงการพิจารณาตัดสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ของผู้สมัครส.ส. ว่า ขณะนี้กกต.ได้รับการแจ้งเบาะแสจำนวน 400 กว่าเรื่อง ส่วนที่รับเป็นสำนวนสืบสวนสอบสวนจำนวน 110 เรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับจ.ศรีสะเกษนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม โดยกกต.จะนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 1 ก.ค. นี้ ทั้งนี้จะพิจารณาตัดสิทธิได้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
เมื่อถามถึงกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ศาลยังไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากต้องรอวันที่ 3 ก.ค. ก่อน เพราะขณะนี้ทนายความของนายจตุพรยังมีสิทธิยื่นร้องขอต่อศาลเพื่อให้ปล่อยตัวนายจตุพรชั่วคราวได้อยู่ หากไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้จริงๆก็ให้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาว่าจะเป็นผู้เสียสิทธิทางการเมืองหรือไม่ต่อไป เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนที่กกต.จะประกาศรายชื่อส.ส. กกต.ก็จะมีการพิจารณาคุณสมบัติของส.ส.ทุกคน แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่า ที่ประชุมกกต.ได้นำเรื่องนี้เข้าพิจารณาหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น จึงยังไม่ได้มีการพิจารณา แต่อาจจะให้เจ้าหน้าที่ประมวลข้อมูลให้ที่ประชุมกกต.ได้รับทราบว่ามีผู้มีชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่า มีนักวิชาการด้านกฎหมายออกมาให้ความเห็นว่า นายจตุพรอาจจะขาดคุณสมบัติของการเป็นส.ส. นายประพันธ์ กล่าว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความคิดเห็นของบุคคลนั้น แต่ตนขอไม่ตอบ เพราะเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการขึ้นป้ายคัดเอาท์ของกลุ่มสยามสามัคคี นายประพันธ์ ว่า ตนยังไม่เห็นป้ายลักษณะดังกล่าว และขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย แต่ก็ต้องดูว่าป้ายดังกล่าวอยู่ในพื้นที่และความรับผิดชอบของผู้ใด หากเป็นพื้นที่กทม.ก็ต้องให้กกต.กทม.ตรวจสอบข้อเท็จจริง
กกต.เชิญ11ปท.สังเกตการณ์เลือกตั้ง
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เข้าร่วมงานในโครงการการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554 ของผู้แทนต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ โดยมีประเทศที่เข้าร่วมโครงการรวม 11 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศออสเตรเลีย บังคลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เกาหลี มาเลเซีย มัลดีฟ เนปาล สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น
นายสุทธิพล กล่าวว่า การเชิญผู้สังเกตการณ์จากประเทศต่างๆ เข้ามาดูการเลือกตั้งของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. เพื่อต้องการให้นานาชาติเข้าใจกระบวนการเลือกตั้งของไทย ว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ กกต.เชื่อมั่นว่าผู้สังเกตการณ์ทุกท่านที่เดินทางมาจะได้เห็นว่าการเลือกตั้งของไทยเป็นไปด้วยความยุติธรรม โปร่งใส โดยกกต.จะพาผู้แทนทั้งหมดไปสังเกตการณ์การรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครส.ส. และร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนนการเลือกตั้ง จึงมั่นใจว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
ขณะที่นายประพันธ์ กล่าวว่า เป็นความตั้งใจที่กกต. ทั้ง 5 คนต้องการให้นานาประเทศเห็นว่าการเลือกตั้งของไทยเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส รวมถึงต้องการให้นานาชาติร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส.ของประเทศไทยในปีนี้ กกต.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำแนะนำ และได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่ยอมรับ โดยกกต.ยืนยันว่าการจัดเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะเชิญผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศแล้ว กกต. ยังเปิดกว้างให้ผู้แทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้อีกด้วย
“เรายินดีให้ทุกฝ่ายเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง โดยหวังว่าต้องการให้ทุกคนยอมรับการเลือกตั้ง ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการกำหนดทิศทางให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า หากว่าผู้สังเกตการณ์สะท้อนปัญหา กกต. ก็พร้อมที่จะนำข้อแนะนำและคำติชมต่างๆ ไปปรับปรุงแก้ไขให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นที่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเชิญผู้แทนจากต่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ครั้งนี้ไม่ได้มีเงื่อนไขผูกมัดกับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ” นายประพันธ์ กล่าว
เผยคลิปกาบัตรเลือกตั้งนอกคูหาที่พญาไท
นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึง กรณีคลิปการให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งกาบัตรนอกคูหา ที่หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าเขตพญาไทว่า การใช้สิทธินอกคูหาเลือกตั้งเลือกตั้ง ถือว่า ผิดระเบียบและผิดกฎหมายเลือกตั้ง แม้ว่า กฎหมายจะระบุให้กกต.อำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวได้รับรายงานว่า ผู้มาใช้สิทธิมีน้ำหนักตัวมากถึง 130 กิโลกรัม
และยังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ หรือที่เรียกว่า “ เอ๋อ “ แต่ต้องการใช้สิทธิ ทางเจ้าหน้าที่จึงอำนวยความสะดวกให้ เป็นเรื่องของความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่จึงนำบัตรไปให้ผู้ใช้สิทธินอกคูหาเลือกตั้ง โดยผู้ใช้สิทธิได้ใช้ปากกากาด้วยมือของตนเอง ซึ่งเห็นได้ชัดทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งช่างภาพสถานีต่างๆเกือบทุกสถานี ซึ่งถือเป็นหลักฐานชัดเจนว่า เป็นการใช้สิทธินอกคูหาเลือกตั้ง แม้ไม่โดยตรงแต่ก็ไม่ได้เป็นความลับ กรณีดังกล่าวกกต.จึงได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวว่า เพื่อเจ้าหน้าที่มีเจตนากระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยให้มีการชี้แจงแสดงเหตุผล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า หากมีคนร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโฆฆะ นายสมชัย กล่าว่า แม้จะเป็นเรื่องของจิตอาสา แต่ก็เป็นการผิดระเบียบและกฎหมาย ซึ่งหากมีคนร้องว่าการเลือกตั้งเป็นโฆฆะ ก็ต้องเปรียบเทียบกับกรณีหันก้นออกนอกคูหาเลือกตั้ง ที่มีการร้องให้การเลือกตั้งเป็นโฆฆะ ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกันไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งเป็นโฆฆะ แต่เป็นเรื่องชองกระบวนการจัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยครั้งนี้เป็นเรื่องของคนใช้สิทธินอกคูหาเลือกตั้ง ถ้าจะเป็นปัญหาก็เพียงแค่ทำให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเสียสิทธิเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ก็มีความผิด แต่จะไม่กระทบกระเทือนการจัดการเลือกตั้งของกกต. ส่วนบัตรเลือกตั้งถือว่าเป็นบัตรดีโดยรวมใส่ซองกับบัตรเลือกตั้งอื่นแล้ว และขณะนี้ก็ส่งไปยังภูมิลำเนาของผู้ใช้สิทธิ ซึ่งสามารถนับคะแนนได้ ปัญหาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคะแนนเสียงในเขตนั้นมีผู้ชนะการเลือกตั้งเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในการเลือกตั้งทั่ว ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น
ที่มา : คมชัดลึก |