|
เรือน้ําตาล เรือบรรทุกน้ําตาลล่ม เจ้าพระยาเชี่ยวเกิน รอ4วันกู้เรือน้ำตาล ชาวบ้านแห่จับปลา |
|
|
เจ้าพระยาเชี่ยวเกิน รอ4วันกู้เรือน้ำตาล |
 |
|
 |
เจ้าพระยาเชี่ยวเกิน รอ4วันกู้เรือน้ำตาล เจ้าของรับเยียวยาปชช. ปลาตายเกลื่อนถึงปทุม สลดราหูยักษ์ดับตัวที่3
ความคืบหน้ากรณีเรือบรรทุกน้ำตาลทรายแดงจำนวน 2,400 ตัน ของบริษัทอัลฟามารีนซัพพลาย จำกัด เกิดอุบัติเหตุชนตอม้อใต้สะพานจนหัวเรือแตกและล่มลงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ทำให้น้ำตาลในเรือละลายสู่แม่น้ำจนน้ำขาดออกซิเจนจนส่งผลให้ปลาตายลอยอืดเกลื่อนแม่น้ำนับแสนตัว โดยความเสียหายลุกลามกินบริเวณกว้างมาจนถึง จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี
อีก4วันกู้เรือบรรทุกน้ำตาลได้
โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน น.ท.รชต ผกาฟุ้ง หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำ สาขาพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถสูบน้ำตาลที่เหลือออกจากเรือได้หมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการกู้เรือได้ เนื่องจากกระแสน้ำยังแรงอยู่ จึงได้ประสานไปยังสำนักงานชลประทานเจ้าพระยาเรื่องการระบายน้ำแล้ว โดยคาดว่าวันจันทร์นี้ระดับน้ำจะลดลง จากนั้นจะส่งนักประดาน้ำลงไปทำการปะและซ่อมแซมรอยแตกของเรือ หลังจากนั้นจึงจะสูบน้ำออกให้เรือลอยขึ้นก่อนเคลื่อนย้าย ซึ่งหากเป็นไปตามแผน คาดว่า จะสามารถกู้เรือได้ในวันพุธหรืออีก 4 วันนับจากนี้
เร่งเสริมแนวกั้นน้ำเซาะตลิ่ง
ด้าน นางวิมล ไชยวัฒน์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การป้องกันตลิ่งซึ่งถูกกระแสน้ำกัดเซาะใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยได้นำไม้ยูคาลิปตัสจำนวนมากตอกลงไปเบียดกันเป็นแนวกำแพง จากนั้นจะนำกระสอบทรายไปทิ้งไว้หลังแนวป้องกันและวางแนวหินเพื่อทำเป็นเขื่อนป้องกันดินพังทลาย คาดว่าจะเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนเรื่องความช่วยเหลือเรื่องบ้านที่พังทางบริษัทเจ้าของเรือรับที่จะดูแลทั้งหมด
ปลาตายลอยเกลื่อนปทุมฯ
ส่วนที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากการรั่วของน้ำตาลเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยที่หน้าวัดหงษ์ปทุมาวาส อ.เมือง จ.ปทุมธานี พระครูปทุมวราคุณ เจ้าอาวาสและนายทะนง ทแกล้วทศพล ประมงจังหวัด พร้อมหน่วยงานของเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้ช่วยกันตักปลาตายที่ลอยมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก และกำลังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง โดยสภาพน้ำที่หน้าวัดหงษ์ปทุมาวาส เจ้าหน้าที่ได้ทำการวัดค่าออกซิเจนในน้ำได้ 2.00 มิลลิกรัม ส่วนที่วัดน้ำวน วัดได้ 1.75 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่ายังไม่ปลอดภัยต่อสัตว์น้ำ เนื่องจากค่าออกชิเจนยังน้อยกว่าปกติ
ปลาราหูยักษ์ตายตัวที่3
เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายได้รับแจ้งจาก นายประทีป ปทุมรัตน์วรกุล อายุ 36 ปี ชาว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ว่า พบปลาราหูหรือปลากระเบนยักษ์ ลอยน้ำเสียชีวิตอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงไปตรวจสอบพบกลุ่มชาวบ้านกำลังช่วยกันนำปลากระเบนยักษ์ตัวดังกล่าวขึ้นมาบนฝั่ง โดยวัดความยาวของปลาได้ 3.48 เมตร กว้าง 1.89 เมตร จึงประสานงานไปยังประมงจังหวัดปทุมธานี เพื่อนำซากปลากระเบนยักษ์ไปเก็บรักษา โดยปลากระเบนยักษ์ตัวนี้ถือเป็นปลายักษ์ตัวที่ 3 ที่ลอยอืดในแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าเป็นผลกระทบจากเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลทรายล่มดังกล่าว
"พลังชล"เกาะติดสถานการณ์
นายสุระ เตชะทัต ผู้ประสานงานและโฆษกพรรคพลังชล เปิดเผยว่า พรรคพลังชลมีความเป็นห่วงกรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำมาก เพราะเป็นนโยบายที่พรรคให้ความสำคัญ จึงอยากให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหานี้ให้จบสิ้นโดยเร็ว และให้รัฐบาลเร่งชี้แจงถึงแนวทางแก้ปัญหา เรื่องสภาพแวดล้อม การเยียวยาประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่ม เพราะขณะนี้มีประชาชนหลายจังหวัดได้รับผลกระทบ นอกจากนี้พรรคจะส่งทีมงานลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ปัญหาในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ |
เตือนแห่จับปลาตายจากเรือน้ำตาลล่ม อาจจับเจอสัตว์น้ำตายเพราะโรค บริโภคเสี่ยงอันตราย |
กระทรวงสาธารณสุขออกโรงเตือน กรณีประชาชาแห่จับสัตว์น้ำที่ลอยมาจากกรณีที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่ม ส่งผลให้น้ำตาลปริมาณมากไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนเป็นเหตุให้มีสัตว์น้ำได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากว่า ไม่ควรจับกินแบบสี่สุ่มห้า เพราะอาจเป็นสัตว์น้ำที่ตายเพราะโรคหรือสาเหตุอื่นซึ่งหากรับประทานเข้าไปอาจมีผลเสียต่อร่างกาย หากจะจับไปบริโภคจริงๆ ควรจับแบบที่ยังเป็นๆ นั้น สามารถทำได้ เพราะน้ำตาลไม่มีผลต่อร่างกาย วันนี้ (4 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลขนาดใหญ่ล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและส่งผลให้น้ำตาลปริมาณมหาศาลไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จนเป็นเหตุให้สัตว์น้ำในแม่น้ำได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง และมีรายงานว่า มีการพบปลากระเบนยักษ์ ตายเกยตื้นแล้ว 3 ตัวนั้น ล่าสุด ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต่างนำสวิงออกมาจับปลาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ โดยชาวบ้านชุมชนเขียวไข่กา สามเสน เปิดเผยว่า เห็นปลาจำนวนมากลอยน้ำมาตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ จึงนำอุปกรณ์จับปลาออกมาจับ ประกอบด้วย สวิง และถังน้ำ โดยปลาที่ลอยน้ำมานั้นมีทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และตายแล้ว แต่ ชาวบ้านจะจับมาเฉพาะปลามีชีวิต เพื่อนำไปปรุงอาหารรับประทาน เช่นเดียวกับชาวบ้านจำนวนมากที่มารอดักจับปลาใต้สะพานกรุงธน หรือสะพานซังฮี้ นำสวิง มารอช้อนปลาจำนวนมาก ปลาที่จับได้ อาทิ ปลาเนื้ออ่อน ปลากด ปลาม้า ปลาลิ้นหมา ปลานิล และมีกุ้งแม่น้ำจำนวนมาก จากการสอบถามชาวบ้าน จะไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะจะจับเฉพาะปลาที่มีชีวิตเท่านั้น ซึ่งมีปลาจำนวนไม่น้อยที่ตายและลอยบนผิวน้ำเจ้าพระยา ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีสัตว์น้ำหนีตายขึ้นมาเหนือน้ำว่า หากชาวบ้านจับสัตว์เหล่านี้ทั้งกุ้ง ปลาขณะที่ยังมีชีวิตมาบริโภคก็สามารถทำได้ไม่เป็นอันตราย เพราะน้ำตาลไม่มีผลต่อตัวสัตว์ แต่เป็นห่วงกรณีมีปลาติดโรคและตายจากสาเหตุอื่น รวมถึงสัตว์น้ำที่ตายมาก่อนหน้านี้ปะปนมาด้วย อาจจะมีเชื้อโรคและบริโภคแล้วจะรับเชื้อโรคเข้าไปได้ ดังนั้น ขอเตือนว่าหากไม่ได้จับสัตว์เหล่านั้นด้วยตัวเอง จึงไม่ควรซื้อมาปรุงเป็นอาหาร เพราะไม่ทราบว่าสัตว์ตายมาก่อนหน้าหรือไม่ |
|
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
|
เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :- |
|
|
|
|
|
|