บลูมเบิร์กอ้างผลสำรวจของบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ปว่า จำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐีจีนเพิ่มขึ้น 31% เป็น 1.11 ล้านคนในปี 2553 ส่งผลให้จีนรั้งอันดับ 3 ประเทศที่มีจำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ตามหลังสหรัฐที่มีจำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐี 5.22 ล้าน และญี่ปุ่น 1.53 ล้าน

แต่หากเทียบในแง่ครัวเรือนที่มีสินทรัพย์มูลค่ารวมตั้งแต่ 100 ล้านดอลลาร์ จีนติดอันดับ 8 ของโลก โดยผลสำรวจนี้ไม่นับรวมความมั่งคั่งจากการเป็นเจ้าของธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ แต่นับรวมงานศิลปะ ไวน์ และเรือยอร์ช

และเมื่อเทียบสัดส่วนจำนวนมหาเศรษฐีต่อประชากรทั้งหมดพบว่า สิงคโปร์รั้งอันดับ 1 โดยจำนวนมหาเศรษฐีคิดเป็น 15.5% ของประชากรทั้งหมด ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์ 9.9% และกาตาร์ 8.9%

ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า คาดว่าความมั่งคั่งในเอเชีย แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่นจะเติบโต 11.4% ในช่วงปี 2553-2558 ทำให้สัดส่วนจำนวนมหาเศรษฐีจากภูมิภาคนี้เพิ่มจาก 18% เป็น 23% ของจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลก ส่วนความมั่งคั่งทั้งโลกจะเพิ่มจาก 121.8 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 162 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกัน

ด้านอินเดียมีมหาเศรษฐี 190,000 คน มากกว่าแคนาดาที่มีเพียง 180,000 คน และคาดว่าความมั่งคั่งของชาวภารตะจะเพิ่มขึ้น 14% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ความมั่งคั่งในจีนจะเพิ่มขึ้น 18% ต่อปี