อย่างแรกที่กระทบใจผมคือการได้เห็นชาวอเมริกันออกไปเฉลิมฉลองตามท้องถนน หน้าทำเนียบขาว หน้าที่ตั้งเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เดิม ไชโยโห่ฮิ้วกันอย่างเร่าร้อนลิงโลดเป็นล้นพ้น และขณะที่ปฏิกิริยาเช่นนั้นบางส่วนอาจมาจากความกระหายเลือด ผมคิดว่าส่วนใหญ่เลยมาจากจิตใจรักความยุติธรรม ผู้คนชอบความยุติธรรม พวกเขาอยากเห็นมันปรากฏขึ้น
และในกรณีนี้ผมคิดว่าคนมากหลายเลยรู้สึกว่ามันก็สาสมแก่ความผิดแล้ว
นี่คือคนที่ฆ่าหมู่พลเรือน มันสาสมแก่ความผิดแล้ว และมันก็มีส่วนจริงมากพอควร แต่ถ้าเราตระหนักว่าใครสักคนที่ยินดีฆ่าพลเรือนขนานใหญ่ ใครสักคนที่ยินดีส่งหนุ่มสาวติดอาวุธและระเบิดไปทำสิ่งที่ประธานาธิบดีโอบามาเรียกว่าจัดการให้ครอบครัวหนึ่งไม่ได้เห็นหน้าคนที่ตนรัก มากินข้าวเย็นร่วมโต๊ะอีกต่อไป จัดการให้ลูกกับพ่อแม่ไม่ได้พบกันอีกตลอดไป
ถ้าเราบอกว่าใครสักคนที่ทำแบบนั้นสมควรตายละก็ เราก็ต้องเดินตามตรรกะของความคิดนั้นไปจนถึงที่สุด และเราก็ต้องตระหนักว่า โอเค ถ้าพฤติกรรมเหล่านี้มันอุบาทว์ขนาดนั้น เราก็ต้องหยุดมันลง
ทว่า การฆ่าบิน ลาเดน ไม่ได้หยุดมัน บิน ลาเดน ตายแล้ว แต่โลกเรายังคงปกครองโดยบิน ลาเดน อีกมากหลาย
ผู้คนไชโยโห่ฮิ้วเพราะพวกเขาคิดว่าได้เห็นความยุติธรรม แต่นี่ไม่ใช่ความยุติธรรมแบบมาไม้ไหนไปไม้นั้นที่บรรดาเหยื่อทวงคืนมาได้
นี่มันเป็นนักฆ่าคนหนึ่งฆ่านักฆ่าอีกคนต่างหาก
กล่าวคือนักฆ่าใหญ่อันได้แก่รัฐบาลสหรัฐฆ่านักฆ่าอีกคนที่เอาเข้าจริงตัวเล็กกว่าได้แก่บิน ลาเดน
ส่วนลัทธิบิน ลาเดน ที่ว่าเพื่อทำลายสำนักงานซีไอเอที่ตั้งอยู่ที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์แล้ว มันก็โอเคที่จะระเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ทิ้งทั้งหลัง, เพื่อสอนบทเรียนให้ชาวอเมริกัน มันโอเคที่จะเข่นฆ่าคนอเมริกันหลายพันคน - ลัทธิที่ว่านั้นมันยังคงอยู่ทุกวี่วันในทำเนียบขาวอเมริกัน ในตึกเพนตากอน (อาคารกระทรวงกลาโหม) สหรัฐ และในที่ตั้งอำนาจราชการต่างๆ ทั่วโลก
สหรัฐกำลังฆ่าผู้คนอย่างน้อยหลายสิบคนทุกๆ วัน ไม่ว่าจะโดยตรงด้วยกองกำลังของตนเอง หรือโดยอ้อมด้วยกองกำลังตัวแทนหรือบริวารของตน เอาแค่ตั้งแต่โอบามาเข้ามารับตำแหน่ง กล่าวเฉพาะการโจมตีด้วยเครื่องบินบังคับในปากีสถานอย่างเดียว ก็มีคนถูกฆ่าตายไปราว 1,900 คนแล้วภายใต้ประธานาธิบดีโอบามา และการฆ่าแบบนี้มันเริ่มขึ้นก่อนเหตุการณ์ 11 กันยายนหลายสิบปี
เราต้องหยุดคนเหล่านี้ คนผู้มีอำนาจอย่างโอบามา อย่างบุช อย่างพวกที่บริหารตึกเพนตากอน และพวกที่คิดว่ามันโอเคที่จะเอาชีวิตพลเรือน และดูเหมือนว่าเราไม่อาจหยุดพวกเขาได้ ด้วยการเมืองที่เป็นกิจวัตรตามปกติ เพราะภายใต้ระบบอเมริกัน ซึ่งก็เหมือนกับระบบการเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่ ผู้คนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น ผู้คนรู้จักหน้าค่าตาบิน ลาเดน รู้พฤติกรรมชั่วร้ายที่เขาทำไว้
พวกเขาเห็นบิน ลาเดนตายก็เลยพูดว่า "โอ้โฮ ยอดมาก เราฆ่าบิน ลาเดน ได้แล้ว" แต่พวกเขาไม่เห็นคนอีกเป็นสิบเป็นร้อยรวมทั้งเด็กเล็กและพลเรือนมากมายที่สหรัฐฆ่าในวันเดียวกันนั้น
ถ้าพวกเขาเห็น บางทีพวกเขาคงไม่ออกไปไชโยโห่ฮิ้วบนท้องถนนที่คนเหล่านั้นล้มตาย
เราต้องหยุดยั้งการประพฤติปฏิบัติที่ว่านี้ และชาวอเมริกันไม่ได้กำลังช่วยหยุดมัน ขณะที่ชาวอียิปต์เอย ชาวตูนิเซียเอยต่างกำลังช่วยกันอยู่ พวกเขาได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปราบปรามที่ตนเผชิญ
ผมคิดว่าเราต้องการการลุกฮือของชาวอเมริกันแบบนั้นบ้างหากเราคิดจะหยุดยั้งการฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างที่ผมว่ามานี้ และเราต้องการคนอเมริกันแบบอัครสังฆราชโรเมโรแห่งซันซัลวาดอร์ คนที่เมื่อเผชิญหน้ากับการฆ่าหมู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ฆ่าหมู่กันทุกวี่วันจนชาวเอลซัลวาดอร์ล้มตายไปกว่า 70,000 คน
ท่านก็ลุกยืนขึ้นมาและกล่าวกับกองทัพแห่งประเทศของท่านว่า "จงหยุดการปราบปรามเสีย จงขัดขืนคำสั่งให้ฆ่า เพราะมีหลักการที่สูงส่งเหนือคำสั่งนั้น"
กว่าสัปดาห์ก่อน ผมไปเยี่ยมบ้านเก่าของโรเมโรที่เอลซัลวาดอร์ซึ่งผมไม่เคยไปมาก่อน และสังเกตเห็นหนังสือ Why Not the Best? ซึ่งเป็นหนังสือรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ (แห่งสหรัฐอเมริกา ครองตำแหน่ง ค.ศ.1977-1981) อยู่บนชั้นหนังสือของเขา
ดูเหมือนโรเมโรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ท่านได้เขียนจดหมายไปถึงประธานาธิบดีคาร์เตอร์ในฐานะอัครสังฆราชในปี ค.ศ.1980 ขอร้องให้คาร์เตอร์หยุดสนับสนุนทหารเอลซัลวาดอร์ที่กำลังเข่นฆ่าประชาชนเสีย
และเท่าที่ผมรู้จักโรเมโรนั้น ท่าทางท่านจะเชื่อจริงๆ ว่าคาร์เตอร์จะสนองตอบมา แต่ เปล่า คาร์เตอร์ยังคงส่งความช่วยเหลือให้ทหารเอลซัลวาดอร์ต่อไป
และไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง ตัวท่านโรเมโรเองก็ถูกฆ่าโดยหน่วยลอบสังหารที่ถือกำเนิดมาจากการหนุนหลังของสหรัฐ
ลำพังการเขียนจดหมายไม่ได้ผลในกรณีนั้น และที่ (อเมริกา) นี่ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน เราต้องหยุดยั้งการกระทำแบบนี้ให้ได้ บิน ลาเดน ตายแล้ว และลัทธิบิน ลาเดน - ถ้าคุณจะลองเรียกมันแบบนั้นนะครับ - ก็ควรจะตายจากไปด้วย
ที่มา มติชน