|
| ตรวจสอบชาวมุสลิมเดินเท้าตามถนนชาวบ้านหวั่นไม่ปลอดภัย |
|
|
ตรวจสอบชาวมุสลิมเดินเท้าตามถนนชาวบ้านหวั่นไม่ปลอดภัย
ที่ สภ.เมืองน่าน เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 8 พ.ค. พ.ต.อ.สิทธิชัย ทะนันไชย ผกก.สภ.เมืองน่าน เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 พ.ค. ร.ต.ต.นฤมิต สุขแสง ร้อยเวรฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองน่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบที่บริเวณข้างโรงเรียนบ้านผาตูบ ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชาวมุสลิมจำนวน 10 คนมาขอพักค้างคืนที่โรงเรียน โดยชาวบ้านเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
จากการตรวจสอบพบกลุ่มชาวบ้านจำนวนหลายคนจับกลุ่มรอตำรวจที่บริเวณด้านข้างโรงเรียนบ้านผาตูบ โดยชาวบ้านกล่าวว่า ชาวมุสลิมดูลักษณะน่ากลัว แต่งตัวรุ่มร่าม แตกต่างจากคนพื้นบ้านภาคเหนือ จึงทำให้รู้สึกหวาดกลัวและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อชุมชน เนื่องจากระหว่างนี้ทั้งสถานการณ์บ้านเมืองและการเมืองน่าเป็นห่วง ขณะที่กลุ่มชาวมุสลิมทั้งหมดได้ไปอาศัยศาลารอรถประจำทางริมทางถนนสายน่าน-ทุ่งช้าง บริเวณหน้าแขวงการทางน่านที่ 2 พักค้างคืน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวได้ปฏิเสธการให้ถ่ายภาพเนื่องจากขัดต่อความเชื่อทางศาสนา และจากการตรวจสอบมีทั้งหมดจำนวน 10 ราย โดยนายศรศักดิ์ จำนงค์ อายุ 33 ปี ผู้นำคณะครั้งนี้ กล่าวว่า ตนและคณะเป็นกลุ่มดะวะฮฺ ตับลีฆ เป็นขบวนการฟื้นฟูการดะวะฮฺของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด เพื่อปฏิรูปสังคมมุสลิมปัจจุบัน คำว่า “ดะวะฮฺตับลีฆ” นั้น เมาลานา อิลยาส ใช้ปลุกสำนึกผู้คนให้ยอมรับการดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า เรียกร้องมนุษย์ให้ยำเกรงพระผู้เป็นเจ้าและการฟื้นฟูซุนนะฮฺ (หนทางชีวิต) ของท่านศาสนทูตมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ศาสนทูตท่านสุดท้ายโดยการนำแบบอย่างของท่านมาเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตด้วยการยึดมั่นกับหลัก 6 ประการ ได้แก่ 1.มั่นใจในคำปฏิญาณตน 2.ละหมาดที่มีสมาธิและนอบน้อม 3.ความรู้และการรำลึกถึงอัลลอฮฺ 4.ให้เกียรติและช่วยเหลือพี่น้องมุสลิม 5.บริสุทธิ์ใจ และ 6.เสียสละในหนทางของอัลลอฮฺ
สำหรับ 4 ประการที่ควรละเว้น1.การหวังจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ 2.การขอจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ 3.การสุรุ่ยสุร่ายและเหลือเฟือ 4.การใช้ของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต ขณะที่ 4 ประการที่ห้ามเกี่ยวข้อง1.เรื่องข้อขัดแย้งทางศาสนา 2.เรื่องการเมืองในและต่างประเทศ 3.เรื่องฐานะและตำแหน่ง 4.เรื่องการขอบริจาคและการกระทำที่เสียเกียรติทางสังคม
ทั้งนี้ ตนและคณะกำลังปฏิบัติตามหลักข้อที่ 6 โดยการออกจากบ้านเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเป็นเวลา 4 เดือน โดยได้ออกเดินเท้ามาจาก จ.เชียงราย ผ่านมาทาง อ.สองแคว จ.น่าน และไปยัง อ.เชียงกลางเมื่อ 2 วันก่อน พักอาศัยค้างแรมที่หอประชุมอำเภอเชียงกลาง จากนั้นรุ่งเช้าได้ออกเดินเท้าไปตามถนนผ่านอ.ปัวและอ.ท่าวังผา และได้พักแรมค้างคืนที่หอประชุมอำเภอท่าวังผา พอเช้าก็ออกเดินเท้าต่อมาเรื่อยๆกระทั่งมืดที่บ้านผาสิงห์ ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จึงขอทางชุมชนเข้าไปค้างแรมที่โรงอาหารของโรงเรียน แต่ชาวบ้านไม่ยินยอมพวกตนจึงพากันมาอยู่ที่ศาลาริมถนน
นายยูโฮบ ห้วยทับทิม หนึ่งในคณะ กล่าวว่า การออกเดินเท้าครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ทบทวน ใช้เวลาควบคุมและปรับปรุงพฤติกรรมตนเอง และตามหลักศาสนาต้องไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ใคร แต่ก็เข้าใจด้วยรูปร่าง ลักษณะ และวัฒนธรรมการแต่งตัว การพูดจาที่แตกต่างกัน รวมถึงข่าวสารสถานการณ์ทางภาคใต้ที่รุนแรงอาจทำให้ชาวบ้าน ชุมชน หวาดกลัวและเป็นกังวลได้
พ.ต.อ.สิทธิชัย กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบพิรุธ อาวุธ หรือสิ่งของผิดกฎหมายใดๆ จึงอนุญาตให้พักค้างแรมที่บริเวณศาลารอรถประจำทาง หน้าแขวงการทางน่านที่ 2 โดยในตอนเช้าคณะมุสลิมนี้จะออกเดินทางตามถนนต่อไปเรื่อยๆให้ครบตามกำหนด 4 เดือนตามหลักความเชื่อกลุ่มดะวะฮฺ ตับลีฆ และได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สายตรวจคอยสังเกตการณ์ท่าที ของชาวมุสลิมกลุ่มนี้ และดูแลให้ความปลอดภัยที่มา เนชั่น |
|
| |
| เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :- |
|
|
|
|
|
|
|
พิมพ์หน้านี้
ส่งให้เพื่อน