ผู้เขียนดอกส้มเผย ผู้ผลิตละครแต่งเติมบทเรยาให้แรงเอง ที่ตนเขียนต้องการให้แง่มุมชีวิตทุกคนล้วนมีสองด้าน และตัวเอกไม่มีนิสัยก้าวร้าวต่อบุพการี
ยังเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ สำหรับ กรณีละครเรื่องดอกส้มสีทอง หลังหลายฝ่ายเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ละครมีเนื้อหาแรงกว่าละครเรื่องทั่ว ๆ ไปมากกว่าปกติ แถมบทบาทของ เรยา หนึ่งในตัวละครดอกส้มสีทอง มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวต่อบุพการี และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (4 พฤษภาคม) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสื่อของรัฐ พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนช่อง 3 ผู้จัดละคร ตัวแทนสมาคมวิทยุโทรทัศน์ไทย มาร่วมหารือ
ขณะที่ นายบริสุทธิ์ บูรณะสัมฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กล่าวว่า การถ่ายทำละครเสร็จสิ้นแล้วและใกล้จะอวสานในเร็ว ๆ นี้ จะไม่ปรับเปลี่ยนบทหรือฉากใด ๆ ทำได้เพียงแก้ไขเรตติ้งจากเดิม น.13+ เป็น น.18+ เท่านั้น ละครเรื่องนี้ไม่ขัดต่อศีลธรรม แต่สะท้อนความจริงในสังคม ขึ้นอยู่ว่า เรามีมุมมองแบบไหน ถ้าหากเห็นว่าละครไม่เหมาะสมต่อเด็ก ผู้ชมมีสิทธิ์เปลี่ยนไปดูอย่างอื่นก็ได้ พ่อแม่ต้องรับผิดชอบและให้คำแนะนำแก่เด็กด้วย" นายบริสุทธิ์กล่าว และว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 เดินทางไปต่างประเทศ แต่ยังไม่ส่งสัญญาณใด ๆ ต่อกรณีกระทรวงวัฒนธรรมเสนอให้ทบทวนสัมปทานช่อง 3 ตนเห็นว่า เป็นเรื่องไกลเกินไป ทางด้าน นางถ่ายเถา สุจริตกุล นักเขียนนิยายเรื่องดอกส้มสีทอง ให้สัมภาษณ์ว่า มีละครหลายเรื่องที่รุนแรงกว่านี้มากมาย แต่กลับไม่มีใครพูดถึง อย่างไรก็ตาม ตนรับผิดชอบเฉพาะนิยายเรื่องนี้เท่านั้น ส่วนการนำเสนอในรูปละครโทรทัศน์เป็นความรับผิดชอบของผู้ผลิต และสถานีโทรทัศน์ อยู่นอกเหนือการควบคุมของตน และไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ สิ่งที่ตนอยากชี้แจงคือเจตนารมณ์ในการเขียนเรื่องดอกส้มสีทอง เพราะต้องการให้สอนสัจธรรมชีวิตของคนเราว่า ล้วนมีสองด้านเสมอ ในสีขาวก็มีสีดำ ในสีดำก็มีขาว อยู่ที่เราเลือกที่จะเป็นสีใด ตัวเอกละครคือเรยา เป็นผู้หญิงที่ทะเยอทะยาน แต่เป็นคนเกียจคร้านและไม่เรียนหนังสือ จึงใช้วิธีเป็นเมียน้อยเพื่อให้ชีวิตสมหวัง แต่สุดท้ายชีวิตก็ไม่มีความสุข "ดิฉันเขียนเรื่องนี้มา 11 ปีแล้ว ตั้งใจเขียนในช่วงบั้นปลายของชีวิต อยากให้คนอ่านหรือคนดูละครพิจารณาแก่นแท้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เรยาแม้จะเป็นเมียน้อย แต่ก็ไม่สำส่อนหรือมีผู้ชายหลายคน แต่สุดท้ายแล้วชีวิตของเรยาก็จะเลือกสิ่งดี เพราะคนเราไม่ใช่เลวเสมอไป ถ้าหากเราดูแบบฉาบฉวยก็จะเห็นแต่สิ่งไม่ดี
อย่างไรก็ตาม บทของเรยาที่ใช้คำพูดก้าวร้าวกับบุพการีนั้น ดิฉันไม่เขียนในบทประพันธ์ แต่เป็นการแต่งเติมบทละครของผู้ผลิตเอง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวก็ต้องใช้มีการจัดเรตติ้งที่ถูกต้องและเคร่งครัด มากกว่านี้" นางถ่ายเถากล่าว
[2 พฤษภาคม] สวนดุสิตโพลชี้ คนหนุน ดอกส้มสีทอง ฉายต่อ สวนดุสิตโพล เผยคนส่วนใหญ่ 61.95% หนุน ดอกส้มสีทอง ฉายต่อ ชี้หยุดฉายไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม บอกประโยชน์-โทษพอ ๆ กัน ขณะที่สำนักนายกฯ เรียกถกผู้เกี่ยวข้อง 4 พ.ค. หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อนถึงความไม่เหมาะสม และมีเสียงเรียกร้องให้หยุดฉายละคร "ดอกส้มสีทอง" ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด ทางสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,251 คน ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2554 ซึ่งผลปรากฎว่า...
ประชาชนส่วนใหญ่ หรือ 61.95% เห็นว่า ควรให้ฉายต่อไปตามปกติ เพราะอยากรู้จุดจบของเรื่อง และเห็นว่าหากหยุดฉายก็จะเป็นการทำลายอรรถรสในการรับชมของแฟนละคร รวมทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ ขณะที่ 33.56% เห็นว่าควรตัดบางตอนที่ไม่เหมาะสมออกไป เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขัดกับวัฒนธรรมของสังคมไทย และมีเพียง 4.49% ที่เห็นว่า ควรหยุดฉายทันที เพราะ ละครมีเนื้อหาไม่เหมาะสมเกินกว่าจะรับได้ ส่วนหัวข้ออื่น ๆ สรุปได้ดังนี้ ผู้ชมคิดว่าละครเรื่องนี้มีเนื้อหาที่เหมาะสมหรือไม่ ? 
53.29% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นเรื่องจริงที่มาจากการสะท้อนชีวิตของคนในสังคม, ให้แง่คิดในเรื่องของการมีชีวิตคู่, การมีครอบครัว ฯลฯ

46.71% เห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะ มีหลายฉากที่ใช้ความรุนแรง พฤติกรรมชู้สาว ฉากเลิฟซีน /อาจเกิดการลอกเลียนแบบได้ ฯลฯ
การแสดงบทบาทของตัวละครชื่อ เรยา มีความเหมาะสมหรือไม่ ? 
58.33% ระบุ ไม่เหมาะสม เพราะการใช้พฤติกรรมที่ก้าวร้าว คำพูดไม่เหมาะสมกับบุพการี, เป็นชู้กับสามีคนอื่น ฯลฯ

41.67% เห็นว่า เหมาะสม เพราะสะท้อนให้เห็นถึงผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน อยากได้ใคร่ดี ,การใช้จริตมารยาของผู้หญิง ฯลฯ
ประโยชน์ และ โทษ ที่ผู้ชมได้รับจากละครเรื่องนี้ ? 
49.79% มองว่า พอ ๆ กัน เพราะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ชมแต่ละคน , ถ้าเด็กอยากดูควรมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ ฯล

26.47% มองว่า มีประโยชน์มากกว่า เพราะให้ข้อคิด คติสอนใจ, เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบัน ฯลฯ

23.74% บอกว่า โทษมากกว่า เพราะเนื้อหาล่อแหลม ส่อไปในเรื่องของการคบชู้สู่ชาย , ความทะเยอทะยาน ไม่รู้จักความพอดี , เกิดการลอกเลียนแบบ ฯลฯ
การเรียกร้องให้เพิ่มเรตอายุผู้ชมตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เหมาะสมหรือไม่ ? 
72.56% มองว่า เหมาะสม เพราะ เป็นช่วงอายุที่มีวุฒิภาวะ มีความคิดความอ่าน และสามารถแยกแยะได้ในระดับหนึ่ง ฯลฯ

27.44% มองว่า ไม่เหมาะสม เพราะไม่สามารถควบคุมได้จริง เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ และควรมีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการออกอากาศ ฯลฯ
ผู้ชมคิดอย่างไร กับละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง 
44.92% เห็นว่า เป็นละครสะท้อนสังคมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก

34.72% มองว่า บางตอนมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว / มีฉากเลิฟซีนที่ล่อแหลม

20.36% มองว่า สนุก ให้แง่คิด แต่อาจมีเยาวชนบางกลุ่มที่ลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

องอาจ คล้ามไพบูลย์
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ ได้มีการนัดหารือกับตัวแทนช่อง 3 ผู้จัดละคร และตัวแทนสมาคมสื่อวิทยุโทรทัศน์ เข้าร่วมหารือกรณีละคร ดอกส้มสีทอง ที่มีเนื้อหาที่รุนแรง และไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซึ่งทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการประสาน และส่งเรื่องมายังตน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเนื้อหาของละครดังกล่าวมีเนื้อหาที่แรงกว่าละครทั่วไป ซึ่งหากเด็กและเยาวชนที่รับชม โดยไม่มีผู้ปกครองชี้แนะ ก็อาจทำให้เข้าใจผิด และสับสนต่อมุมมองที่ละครต้องการนำเสนอ ส่วนการเรียกร้องให้ทบทวนสัมปทานช่อง 3 นั้น นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการของ อสมท. ที่จะต้องพิจารณาว่าขัดต่อข้อตกลงหรือไม่ นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงการพิจารณาเนื้อหาหรือละคร ก่อนนำเสนอว่า ขณะนี้ไม่มีคณะกรรมการ กบว. ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละสถานี ที่จะต้องพิจารณา แต่ขณะนี้การพิจารณาของสถานี มีเพียงเนื้อหาโฆษณาเท่านั้น จึงเป็นเรื่องของช่องว่างทางกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องด้วย
[2 พฤษภาคม] รมว.วธ. เผยส่ง ดอกส้มสีทอง ต่อ กบว.แล้ว ชมพู่ รับเสียใจหาก ดอกส้มสีทอง โดนแบน หวั่นถูกตัดตอน แนะผู้ปกครองแนะนำเด็กในการชม ชี้เป็นละครที่ให้แง่คิดต่อสังคม เชื่อคนดูมีวิจารณญาณ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคม สำหรับตัวละคร
"เรยา" ในละครเรื่อง
"ดอกส้มสีทอง" จนล่าสุดมีผู้ปกครองได้ยื่นข้อเรียกร้องให้แบนละครดังกล่าว เนื่องจากเป็นละครที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน
โดยนางเอกสาว ชมพู่ อารยา ซึ่งรับบทเรยา ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชนว่า รู้สึกเสียใจ หากว่าละครโดนแบนและถูกสั่งงดออกอากาศ ซึ่งตนคิดว่าเป็นละครที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตมากกว่า ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ละครถูกตัดตอน หรือถูกงดออกอากาศ เพราะตนและทุกคนต่างตั้งใจและทุ่มเทในการทำงาน แต่ตนก็เข้าใจผู้ปกครองทุกคน ก็ควรให้คำแนะนำแก่เด็ก หากเด็กรับชมว่าเป็นเพียงการแสดง และเป็นคติสอนใจคน และตนก็เชื่อว่าผู้ชมทุกคนต่างมีวิจารณญาณในการรับชมเช่นกัน
ขณะเดียวกัน วันนี้ (2 พฤษภาคม) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง ซึ่งปรากฏภาพและเนื้อหาไม่เหมาะสมแล้ว ซึ่งคิดว่าปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นกับละคร ดอกส้มสีทอง นั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัวในการปกป้องสาธารณะ เด็ก และเยาวชน และศีลธรรมอันดีมากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเงียบกันหมด มันก็จะสะท้อนว่าสังคมก็เริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละครต้องระวังมากยิ่งขึ้น
"ทั้งนี้ ตนคิดว่าแม้ว่าขณะนี้ทาง กบว. จะให้ทางช่องได้มีการปรับเรตติ้งจาก น.13+ เป็น น.18+ แล้วก็ตาม แต่ตนยังมองว่ายิ่งเป็นการชี้ชัดว่า กบว. ช่องมีปัญหา หรือมัวไปนั่งหลับอยู่ในเวลาตรวจ ทำให้การพิจารณาละครในช่วงแรก ให้เรตที่ น.13+ และเพิ่งมารู้ตัวในตอนที่สังคมมาปลุก" รมว.วธ. กล่าว นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ. จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละครที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยัง คณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกันตนเห็นว่า ต่อไปการสร้างละคร ควรจะมีการพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน อย่าสร้างละคร หรือทำอะไรด้วยความอยากของคน และอย่าสนองความอยากของคน เพราะจะทำให้สังคมเละเทะอยู่ไม่ได้ "
สิ่งที่ตนหนักใจอย่างเดียว คือ เมื่อกระทรวงฯ ได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนคุณไม่ค่อยฟังเรา ถ้าคุณฟังเราแล้วไปคิด ก็เป็นทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคุณคิดไม่ได้สังคมก็จะต่ำลง ในส่วนนักแสดงที่ออกมาให้ความเห็นว่า ละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ และผู้แสดงก็อยากได้กระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ขณะเดียวกัน ที่นักแสดงออกมาพูดว่าทุกฉากที่ได้แสดง ทุ่มเท เป็นหยาดเหงื่อและต้องใช้พลังสูงนั้น ตนเห็นว่าถ้าต้องเหนื่อยขนาดนั้น เพื่อเล่นบทที่รุนแรงขนาดนี้ก็น่าสงสาร แต่อย่าให้เขาต้องลำบากอีกเลย" นายนิพิฏฐ์ กล่าว