นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง 17,228.71 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ วันที่ 12 เม.ย. ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น 5.05% จากสิ้นปี 53 สูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อของไทยไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับใกล้เคียง 10% นักลงทุนจึงมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในไทยไม่มาก ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงส่งผลดีต่อภาพรวมตลาด
นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนมี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมักเลือกลงทุนในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น โดยแยกเป็นรายประเทศ จากเดิมที่มองภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 นี้ คาดว่าเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและเอเชียต่อเนื่อง เพราะยังมีสภาพคล่องในโลกจำนวนมาก จึงต้องหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ทำให้เงินทุนจะไหลเข้าประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตดีกว่า
นางเทียนทิพ สุพานิช ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลท. กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (บอนด์) ของไทยจำนวนมาก คิดเป็น 40% ของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และนักลงทุนคาดหวังในการเก็งกำไรจากค่าเงินบาท ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ได้ผลตอบแทน 2 ส่วน อีกทั้งคาดว่าสหรัฐน่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้เงินทุนจึงไหลออกไปลงทุนในตลาดภูมิภาคอื่นโดยเฉพาะกลุ่มภูมิภาคเอเชีย |