หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
สงครามลิเบียอาจดูน่ากลัวแต่สงครามไทยยิ่งปล่อยไว้อันตรายกว่า เริ่มแล้ว ปะทะเดือด ไทย-เขมร

 

เขมรแสบเปิดศึกสมรภูมิเมืองช้าง ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม ทหารไทยพลีชีพ 4 ศพ เจ็บระนาวนับสิบราย

วันนี้ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   เมื่อวานนี้  ผู้สื่อข่าวจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่าได้เกิดเหตุปะทะกันอย่างหนักระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย ที่ประจำการฐานปฏิบัติการปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก เรื่อยไปจนถึงบริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้อาวุธปืนเอเค 47 เอ็ม 16 ปืนกล ปืน ค.60 และปืนใหญ่ยิงถล่มเข้าใส่กันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดแนวชายแดนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ล่าสุดจนถึงเวลา 09.30 น. เสียงปืนจากการต่อสู้กันยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการปะทะทำให้ทหารพราน กองร้อยจู่โจมที่ 926 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาควาย ทหารพรานกองร้อยจู่โจมที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ 13 นาย และเสียชีวิตทันที 1 นาย คือ จ.ส.อ.ประเวช หาราช อายุ 49 ปี สังกัด ทพ.2606 ถูกกระสุนปืน ค.60 เข้าที่ลำตัว ขณะเดียวกัน ได้มีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่ รพ.ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา อย่างโกลาหล

ต่อมามีรายงานว่า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 นาย คือ จ.ส.อ.วิทยะ สวนชูผล สังกัด ทพ.960 ฐานปฏิบัติการตาเมือนธม ต.ตาเยง อ.พนมดงรัก จ.ส.อ.บุญรัตน์ สุขจิตร สังกัด ทพ.2606 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาควาย 

อพยพชาวบ้านโกลาหล
         ส่วนสาเหตุเกิดการปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทหารไทยและกัมพูชาต่างพยายามห้ามไม่ให้กำลังทหารติดอาวุธของทั้งสองฝ่ายเข้ามาวางกำลังในบริเวณปราสาทตาควาย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิในการครอบครองพื้นที่ โดยทหารไทยยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นพื้นที่ของไทย และจะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทหารไทยเข้าพื้นที่ แต่ทหารกัมพูชาไม่ยินยอม นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกิดจากการที่ทหารไทยนำพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่ปราสาทตาควาย ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาไม่พอใจ จนเกิดความตึงเครียดมาอย่างหนัก และเกิดการปะทะอันอย่างรุนแรงตลอดแนวชายไทย-กัมพูชา 
ต่อมา เวลา 07.35 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ตกข้าง สภ.พนมดงรัก และที่หมู่บ้านเขตแดนไทย ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 3 หลัง ชาวบ้าน 20 หมู่บ้านใน ต.บักได ต้องเร่งอพยพหนีตายกันอย่างโกลาหล 

ผวาระเบิดตกกลางหมู่บ้าน
       จากการสอบถาม พระครูสัน เจ้าอาวาสวัดป่าเขาโต๊ะ กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชามีฐานที่มั่นจุดยิงปืนใหญ่ อยู่หลังวัดป่าเขาโต๊ะ ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กม. ก่อนหน้านี้ เห็นทหารกัมพูชาลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์มา 2-3 วันแล้ว ทั้งที่ทหารไทยได้เจรจาให้กัมพูชานำอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ออกห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา 15 กิโลเมตร ตามสนธิสัญญาเจนีวา แต่ไม่เป็นผล กระทั่งเกิดเหตุปะทะอย่างดุเดือดดังกล่าว
    ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองคันนา อ.พนมดงรัก กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า ช่วงเกิดเหตุปะทะได้มีลูกปืนใหญ่ขนาดเกือบเท่าแขน ถูกยิงมาจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาตกในหมู่บ้าน 2 ลูก เดชะบุญที่ระเบิดไม่ทำงาน ทำให้หวาดผวาเป็นอย่างยิ่งว่าอาจเกิดระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จึงนำเชือกฟางไปกั้นพื้นที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้ระหว่างรอการเก็บกู้
    นายวินันท์ สุขประสบ กำนันตำบลบักได อ.พนมดงรัก กล่าวว่า ขณะนี้ได้อพยพประชาชนใน 20 หมู่บ้านใน ต.บักได กว่า 3,000 คน มาอยู่ที่ศูนย์อพยพ 4 จุด คือ ที่ รร.พนมดงรักวิทยา ต.จีกแดก รร.บ้านโคกกลาง รร.บ้านโคกโบสถ์ ใน อ.พนมดงรัก และ ที่นิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท ซึ่งเป็นไปตามแผนการอพยพหนีภัยการสู้รบที่ภาครัฐได้เตรียมการไว้ โดยชาวบ้านหลายคนอยู่ในอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีเสียงปืนเล็ก และปืนใหญ่ยิงเข้าใส่หมู่บ้านในฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนแตกตื่นวิ่งหลบหนีกันวุ่นวายอลหม่าน เบื้องต้นได้ประสานไปยังที่ว่าการอำเภอพนมดงรักและ สภ.พนมดงรัก เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพปร.) และ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เข้ามาช่วยเหลือในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากเนื่องจากเหตุเกิดในช่วงเช้า ทำให้หลายคนยังไม่ได้รับประทานอาหาร จึงขอให้ทางภาครัฐเร่งช่วยเหลือในเรื่องอาหาร น้ำดื่มและสุขาเคลื่อนที่

ปิดด่านช่องจอมทันที
          ต่อมา นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ ได้เดินทางมาอำนวยการอพยพชาวบ้านไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวก ที่พักให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยกองทัพภาค 2 กองกำลังสุรนารี ได้สั่งปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง อย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ สั่งการให้ตำรวจดูแลผู้อพยพและตั้งด่านตรวจร่วมกับทหาร เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น
       ส่วนที่ รพ.พนมดงรัก อ.พนมดงรัก ได้มีทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ 8 นาย มี 3 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดต้องส่งไปรักษาต่อที่ รพ.สุรินทร์ ส่วนอีก 5 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และขณะนี้ทาง รพ.พนมดงรัก ได้ประกาศงดรับผู้ป่วยปกติทั่วไป โดยจะรับรักษาผู้ป่วยจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเท่านั้น พร้อมประสานระดมกำลังเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล พร้อมเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อเตรียมความพร้อม

เคลื่อนรถถังประชิดชายแดน
           รายงานข่าวแจ้งว่า ทหารกัมพูชาที่เข้าปะทะกับทหารดังกล่าวเป็นกองกำลังจากกองพลน้อย 42 กองพลทหารภูมิภาคที่ 4 ประเทศกัมพูชา มี พล.ท.เจีย มอน ผบ.กองพลภูมิภาคที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบพื้นที่ จ.พระวิหาร-จ.อุดรมีชัย เป็นผู้บัญชาการ ซึ่งตั้งกองกำลังอยู่บริเวณ บ้านกู่ ต.บันเตีย อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 6 กิโลเมตร โดยมีอาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ รถถัง อาวุธขนาดกลาง มีปืน ค. ปืนอาร์พีจี จำนวนมาก ทั้งนี้กองกำลังทหารกัมพูชา ได้แยกกันเข้าประจำการ 2 จุด คือ บริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนควาย 500 นาย และชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม อีก 500 นาย แต่ละจุดมีรถถังจุดละ 5 คัน โดยกองกำลังเขมรที่เข้าตรึงกำลังชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ได้รับการสนับสนุนกองกำลังทหารบก 1 กองพัน มีอาวุธหนักปืนใหญ่ประมาณ 3 กระบอก รถถัง 5 คัน ซึ่งเป็นกองกำลังที่เดินทางมาจากชายแดนเขาพระวิหาร ด้าน จ.ศรีสะเกษ เข้ามาสมทบกองพลน้อย 42

แรงงานผวาทะลักเข้าไทย
          ส่วนที่ จ.สระแก้ว บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.ทพ.12 กกล.บูรพา ให้นำกำลังพร้อมอาวุธออกตรวจแนวชายแดนตั้งแต่บ้านคลองลึก และบ้านท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นแนวชายแดนติดกับกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา อย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ฉัตรมงคล พ้นภัย ผกก.ตชด.12 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมลาดตระเวนตามแนวชายแดน ตั้งแต่ อ.โคกสูง ถึง อ.ตาพระยา ซึ่งมีระยะทางกว่า 60 กม. ขณะเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือ ยังคงข้ามมาค้าขายฝั่งไทยกันอย่างคึกคัก รวมถึงแรงงานชาวเขมรกว่า 150 คน ได้เร่งรีบข้ามฝั่งมายังประเทศไทย เพราะหวั่นเกรงว่าจะมีการปิดด่านชายแดน

ยันเขมรเปิดฉากยิงก่อน
           ที่เรือหลวงจักกรีนฤเบศร์ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ว่า ได้รับรายงานจาก ศปก.กองทัพไทย ว่าเมื่อเวลา 06.25 น. เกิดเหตุปะทะที่จุดลาดตระเวน ร้อย 605 ทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย โดยเป็นการลาดตระเวนมาเจอกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทยก่อน มีการปะทะกันจนถึงเวลา 07.20 น. โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้อาวุธปืน ค.120 ยิงใส่กัน จากนั้นเวลา 07.45 น. เริ่มมีการใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงใส่กัน กระทั่งสิ้นสุดการปะทะในเวลา 08.05 น. พบกระสุนปืนใหญ่ตกที่บ้านกาบเชิง จ.สุรินทร์ เบื้องต้นได้สั่งอพยพชาวบ้านไปที่บ้านพนมดงรัก ส่วนที่ปราสาทตาเมือน ยังมีการปะทะประปรายด้วยอาวุธเล็ก ขณะนี้ยังอยู่ในแผนการปฏิบัติการป้องกันประเทศขั้นที่ 1 มีกองกำลังสุรนารีรับผิดชอบ โดยให้ทั้ง 3 เหล่าทัพติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

แฉดอดลอบสร้างที่มั่น
           ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. เกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณแนวชายแดนปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพราน 2606 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ลาดตระเวนไปพบทหารกัมพูชากำลังขุดหลุมดัดแปลงที่มั่นทางทิศตะวันออกของปราสาทตาควาย ทหารไทยได้เจรจาให้ยุติการดำเนินการแต่ไม่เป็นผล และทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตไทย ทำให้กองกำลังสุรนารีตอบโต้ และเกิดการปะทะกันเป็นระยะ ตลอดแนวปราสาทตาควายจนถึงปราสาทตาเมือน โดยระหว่างการปะทะมีการใช้อาวุธหนักและปืนใหญ่ ซึ่งทหารไทยได้ยิงตอบโต้ตามความเหมาะสม และพยายามจำกัดพื้นที่การปะทะ เพื่อไม่ให้กระทบต่อพลเรือน จนกระทั่งเวลา 08.00 น. สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยการปะทะด้วยอาวุธหนักได้ลดลง แต่ยังมีการปะทะด้วยอาวุธประจำกายเป็นระยะ และล่าสุด การปะทะได้สงบลงเมื่อเวลา 10.30 น. ซึ่งเบื้องต้น จากการปะทะ มีทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 7 นาย ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ และ รพ.พนมดงรัก

เหยื่อสงคราม 9,000 คน
            พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ กองกำลังสุรนารี ได้ร่วมกับจังหวัดทหารบกสุรินทร์ และส่วนราชการในพื้นที่ต่างๆ ร่วมกันอพยพประชาชน 9,000 คน ในพื้นที่ ต.บักได ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยที่ราชการได้เตรียมไว้ 2 แห่ง คือ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่โรงเรียนพนมดงรัก โรงเรียนบ้านโคกกลาง โรงเรียนบ้านโคกโบสถ์ และที่นิคมอุตสาหกรรมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งห่างจากแนวชายแดนประมาณ 30 กม. สำหรับหมู่บ้านที่มีการอพยพประชาชนออกไปนั้น จะมีทหารจากกองกำลังสุรนารี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงที่มีการปะทะ ได้มีการประสานงานเจรจาระหว่างผู้บังคับหน่วยงานทหารในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อยุติการปะทะ และป้องกันการเคลื่อนย้ายกำลังไปพื้นที่อื่นๆ ตามแนวชายแดน ซึ่งล่าสุด กองกำลังสุรนารี ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวปะทะ

ส่งทีมสุขภาพจิตดูแลใกล้ชิด
           นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า จากเหตุปะทะที่ชายแดน จ.สุรินทร์ ได้รับรายงานมีทหารเสียชีวิต 1 รายในที่เกิดเหตุ บาดเจ็บอีก 13 ราย รักษาตัวที่ รพ.พนมดงรัก 10 ราย สาหัส 2 ราย ทั้งหมดส่งไปรักษาต่อที่ รพ.สุรินทร์ ตนได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลทั้งหมดตามแนวชายแดน คือ รพ.กาบเชิง รพ.บัวเชด และ รพ.พนมดงรัก ทั้งบุคลากร ยาเวชภัณฑ์ ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัดและคลังเลือด 24 ชั่วโมง โดยให้ รพ.สุรินทร์ เตรียมพร้อมสนับสนุนและเตรียมระบบการส่งต่อผู้ป่วยเป็นเครือข่ายทั้งจังหวัด รวมถึงให้หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ และ อสม.เข้าไปดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต
ของประชาชนในศูนย์อพยพแล้ว
           ขณะเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่ศูนย์อพยพ ทั้งนี้ นายองอาจได้ประสานงานกับผู้ว่าฯ สุรินทร์ เรื่องดูแลผู้อพยพ โดยอาจมีการเพิ่มศูนย์เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป
           นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว 6,000 คน จาก 4 ตำบล กว่า 55 หมู่บ้านไปที่ศูนย์อพยพ 6 แห่ง ที่ อ.พนมดงรัก 3 จุด และ อ.ปราสาท 3 จุด โดยสั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมอพยพชาวบ้านในจุดที่อาจเกิดการปะทะขึ้นอีก โดยเฉพาะที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
ส่วนนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุปะทะมีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2 ตำบล 36 หมู่บ้าน ได้อพยพราษฎร 9,000 คน ไปที่ศูนย์อพยพ ทั้งนี้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

“มาร์ค”ยันไทยไม่ยิงก่อน
          ที่หอประชุมกองทัพเรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น  โดยขณะนี้เหตุการณ์ได้ยุติลงแล้ว แต่กำลังเร่งตรวจสอบที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้และรายละเอียดผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ซึ่งตนมอบหมายให้นายองอาจ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องดังกล่าว ตนคิดว่าสิ่งที่เราอยากเน้นย้ำต่อไป คือ กำลังของทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ตรึงอยู่ใกล้กันนั้น ถ้ามีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็อาจมีการปะทะกันได้ และยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีเจตนาที่จะไปทำอะไรก่อนอย่างแน่นอน
          ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังทหารได้พูดคุยเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในระดับพื้นที่แล้ว และพยายามแก้ไขปัญหากัน เข้าใจว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง และกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการทางการทูตต่อไป เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่มีการแทรกแซงจากนานาชาติ

“กต.”ร่อนหนังสือประท้วง
          นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่าเหตุปะทะดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน มิ.ย.นี้ และไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตนได้ทำหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาทันที โดยเรียกนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมารับหนังสือประท้วงเพื่อเป็นการชี้แจงเหตุการณ์แท้จริงไปยังรัฐบาลกัมพูชา  พร้อมกับเรียกร้องให้กัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา โดยแถลงการณ์นี้จะเสนอต่อกลุ่มอาเซียนและประชาคมโลก อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ได้โทรฯ สอบถามเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และแสดงความกังวลเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้ชี้แจงไปว่าการปะทะห่างไกลจากเขาพระวิหารถึง 190 กิโลเมตร และยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวเจรจาในระดับทวิภาคีได้ แต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงตลอดแนวชายแดนกว่า 800 ตร.กม. ไม่มีเหตุผลใดที่กัมพูชาจะไปร้องต่ออาเซียนหรือประชาคมโลก เหตุการณ์ความขัดแย้งสามารถแก้ปัญหาด้วยกัน 2 ประเทศ อยู่ในวิสัยที่จะพูดจากกันได้ เพราะกัมพูชาได้ติดต่อมาขอยุติการปะทะก่อน หากถามจะยุติการยิงได้หรือไม่นั้น ต้องถามฝ่ายกัมพูชาเพราะเปิดฉากยิงก่อนทุกครั้ง และกระทรวงต่างประเทศได้ยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอด

เขมรโวยไทยรุกล้ำแดน
        ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้เกิดยิงปะทะกันในพื้นที่ข้อพิพาทชายแดนไทยกับกัมพูชา โดยนายพิช โสคิน ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา กล่าวว่า การปะทะกันเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น.เช้าวันศุกร์ ใกล้กับปราสาทตาเมือนธมกับปราสาทตาควาย และทหารไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงขึ้นก่อน ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.ท.ชุม สุชาติ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า มีการปะทะกันจริงและเกิดขึ้นที่บริเวณ 250 กม.ทางตะวันตกของจังหวัดพระวิหาร และอีกจุดหนึ่งที่เกิดการปะทะกันนั้นอยู่ที่ปราสาทตาควาย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ มีการใช้เครื่องยิงจรวด ปืนกล และ ไรเฟิล แต่รอยเตอร์รายงานด้วยว่า ทหารกัมพูชาตอบโต้ด้วยจรวดอาร์พีจี มีการสูญเสียเกิดขึ้นกับทหารกัมพูชาเช่นกัน แต่ไม่ทราบจำนวน และพ.ต.ชเฮย์ เมา ทหารกัมพูชาประจำการอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า การสู้รบไม่ได้ลุกลามเข้ามาที่ปราสาทพระวิหาร ที่นี่เงียบสงบ แต่เราก็พร้อมอยู่ในฝั่งของเรา
         สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่า นายฟาย สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงว่า ทหารไทยรุกเข้ามา 0.4 กม.ในฝั่งของกัมพูชา มุ่งตรงมายังทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทตาควาย และ เปิดฉากการโจมตีขึ้นมาก่อน ถือว่าเป็นการรุกรานอีกครั้งหนึ่งของทหารไทย ซึ่งกัมพูชายอมรับไม่ได้

อาเซียนวอน 2 ฝ่ายหยุดยิง
           เอเอฟพีรายงานต่อไปว่า นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน (สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้ยุติการแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ขณะนี้ตนได้ประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา แล้วยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
           ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์มีความวิตกในเรื่องนี้เช่นกันและเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดกลั้นและหันหน้ามาเจรจา.
 

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185