รัฐบาลทหารพม่ามอบอำนาจการบริหารประเทศให้รัฐบาลพลเรือนอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันพุธ หลังจากอยู่ในอำนาจมาเกือบ 50 ปี ขณะที่ รัฐบาลเผด็จการทหารก็ถูกยุบตามหลังประธานาธิบดีคนใหม่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการถ่ายโอนการบริหารประเทศไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าเป็นเรื่องน่าอาย
   
สถานีโทรทัศน์และวิทยุของทางการพม่า รายงานว่า พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำทหารพม่า ได้ลงนามในคำสั่งยุบสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐของพม่า (เอสพีดีซี) อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันพุธ โดยรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งนำโดยพลเอกเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีคนใหม่ สาบานตนต่อรัฐสภาในกรุงเนย์ปิดอว์ เมืองหลวงห่างไกลของพม่า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และคณะรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ เต็ง เส่ง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเผด็จการทหาร และเป็นสมาชิกคนสำคัญของรัฐบาลทหาร
   
พร้อมกันนั้นยังมีรายงานว่า พลเอก มิน อ่อง หล่าย ได้เข้าพิธีสาบานตน เป็นผู้นำกองทัพคนใหม่แทนพลเอกอาวุโสตาน ฉ่วยด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เขารับตำแหน่งนี้อย่างเป็นทางการเลยหรือไม่ พิธีสาบานตน ที่ทำกันอย่างไม่เปิดเผย ถูกประกาศหลังจากพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งก็ยังคงรูปแบบของเผด็จการทหารพม่า ที่เก็บความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นความลับ พม่าที่ถูกปกครองโดยทหารมาตั้งแต่ปี 2505 จัดการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 20 ปีในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
   
การมาของรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้เอสพีดีซี ที่อยู่ในอำนาจในปี 2531 ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่บริหารประเทศมายาวนานสิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง กองทัพก็ยังคงเกาะยึดอำนาจในพม่าอยู่อย่างเหนียวแน่น และนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ยังควบคุมอำนาจทั้งหมดอยู่หลังฉาก
   
นายกรัฐมนตรีเต็ง เส่ง ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีในรัฐสภาชุดใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
   
ส่วนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีทั้งสิ้น 58 คน ซึ่งรวมทั้งประธานาธิบดี, รองประธานาธิบดี 2 คน.