หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
ระหว่าง ครอบครัวอินเดีย และ ครอบครัวไทยในอนาคต ใครมาถูกทาง

เกิดชาติหน้าอย่าเป็นไก่อินเดีย

 

เมื่อยังไม่เห็นโลง คนไทย "ภาคการเมือง" ก็ยังไม่เชื่อว่า "ความตายมีจริง" ดังนั้น สภาพไฮยีนาทึ้งซากจึงเป็นไปอย่างคงเส้น-คงวา ทั้งในสภา  นอกสภา และเรี่ยราดตามท้องถนน หยิบอะไรมาคุยก็แค่เปลือก-กระพี้ จะยึดตรงไหนเป็นแกนในความเป็นไปข้างหน้ายังไม่ได้ ฉะนั้น ขี่พรมวิเศษไปตะลุยอินเดีย ภาคกินทุ่ง-นอนทุ่ง และถ่ายทุ่ง ตามประสาของผมต่อดีกว่า ไม่มีอะไรจะอ่านก็อ่านเถอะครับ แต่ถ้ามี อย่าเสียเวลาเลย

 เมื่อวานถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ...ถึงตอนคุณปรีดา เตียสุวรรณ์ พาไปกินอาหารเที่ยงประเภท Veg ล้วนที่แพรนดา กรุ๊ป เมืองมุมไบ ความจริงอาหารที่ติดป้าย Veg ที่ย่อจาก Vegetable นั้น มีทั่วไปทั้งในโรงแรม และตามร้านอาหาร  เรียกว่าที่อินเดียหาอาหารประเภทผักล้วนๆ กินง่ายกว่า หมู เห็ด เป็ด ไก่ ไดโนเสาร์

 อาหารประเภท Veg ของอินเดีย จะเหมือนอาหารมังสวิรัติบ้านเราก็ตรงไม่ใช้เนื้อสัตว์เท่านั้น อย่างอื่นคงจะไม่ตรงกันเสียทีเดียว เพราะเขาไม่มีทัศนคติว่าเป็นการกินเอาบุญ และไม่ยกตน-แยกตนออกจากการกินร่วม-อยู่ร่วมกับอาหารเนื้อหนังมังสา ฉะนั้น ถ้าไปบุฟเฟต์ต้องอ่านป้ายหน้าถาด หน้าหม้ออาหารให้ดี

 เพราะมีทั้งผักล้วน เนื้อสัตว์ล้วน และมีทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ปนกัน เรียกว่าใครอยากกินอะไรเลือกได้ตามใจอยาก จะตักทั้ง Veg ทั้งเนื้อสัตว์ผสมไปด้วยกันในจานเดียวกัน ตามสบายเถอะ พ่อคุณ ไม่มีใครเขาแอบถ่ายคลิปหรอก
 พูดภาษาเราๆ ก็คือ Veg ในความหมายของเขาก็แค่ "อาหารผักล้วน" ไม่มีหมู หมา กา ไก่ ปนลงไป ก็เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับบุญ กับบาป ที่เห็นว่าเกี่ยวก็คือ  ๑.เพื่อสุขภาพ ๒.เป็นลักษณะอาหารประจำชาติ ๓.เงื่อนไขทางศาสนา ๔.เป็นกลไกทางเศรษฐกิจ และ ๕.เป็นรากแห่งอารยวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง

 กินอย่างคนอินเดียแท้ๆ นี่แหละ "กินอย่างมีเหตุผล" เพราะจริงๆ แล้ว คนเรามันก็แค่อิ่ม แค่ให้ชีวิตอยู่ได้ และการกินอย่างมีเหตุผลนี้ เป็นตัวเฉลี่ยเกลี่ยแบ่งให้คนกว่าพันล้านได้มีกิน-มีอยู่กันถ้วนหน้า โดยไม่ต้องมีใครอดตาย ยิ่งในเมื่อไม่ต้องตะกายหาของนอกชาติมาเสริมตะกละด้วยแล้ว มันก็เท่ากับตัดตัวฉิบหายที่มากับ "กิน-กาม-เกียรติ" ไปได้  

 เพราะเหตุนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมอินเดียซึ่งก็ยังมีทั้งสินน้ำใจและคอรัปชั่นจึงผงาดบาดตาประเทศระบบทุนบริโภคขึ้นมาได้วันนี้ ทั้งที่ประชาชนยังกินบนพื้นถนน นอนบนพื้นถนน ถ่ายบนพื้นถนน ในขณะที่ชาติร่ำรวยทั้งหลาย ไม่ว่ายุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น ก็ยังมีคนกินบนถนน นอนบนถนน และถ่ายบนถนน  แต่กลับ จมลง..จมลง..ในซากเศรษฐกิจสังคมกิน-กาม-เกียรติ ระบบทุนตะกละ!

 เฉพาะมุมไบ ประชากรตามทะเบียนราวๆ ๑๘-๑๙ ล้านคน ผมเพ่งตาม ๒  ข้างทางที่รถวิ่งผ่าน เพ่งจนตาเป็นลูกกอล์ฟ เห็นร้านฟาสต์ฟู้ดซุกเหี่ยวๆ อยู่ซักร้าน-สองร้านมั้ง ผมไม่เห็นมี "อาหารนอกชาติ" ของชาติไหนมาตีอาหารประจำชาติอินเดียได้ เอาแค่แทรกเข้าไปให้เห็นในชีวิตการกินประจำวันก็ยังยาก

 กระทั่งอาหารจีนก็เถอะ!
 จะมีก็เฉพาะย่านนักท่องเที่ยว หรือไม่ก็ตามย่านธุรกิจการค้าเท่านั้น  อย่างโรงแรมทัชมาฮาล โรงแรมโอเบอรอย ที่อยู่แถวๆ เกตเวย์ ออฟ อินเดีย  ย่านท่าเรือที่อังกฤษสมัยเข้ายึดครองมาสร้างบ้านพัก สร้างคลับเรือยอชต์ไว้เมื่อ  พ.ย.๕๑ เคยถูกโจรก่อการร้ายเข้ายึด จับตัวประกัน ฆ่ากันแหลก เป็นข่าวดังทั่วโลก ท่านคงจำได้
 แถวนี้มีร้านอาหารอิตาเลียนอยู่ร้าน คราวนั้นถูกลูกหลงซะพรุน นักกินนอกชาติ-ในชาติแน่นเอี๊ยด แต่ถึงกระนั้น ในเมนูของเขาก็ยังต้องมีอาหารพื้นบ้านเป็นอาหารสัญลักษณ์ชาติไว้บริการ
 แล้วผมจะเล่าให้ฟัง ของเค้าอร่อยที่สุดในโลก ถ้าท่านไป ต้องแวะ..ขอบอก!
 ที่ผมบอก คนอินเดียมีเงินซัก ๒๐-๓๐ รูปีก็อยู่ได้ อยู่ได้เพราะอินเดียกิน พืช-ผัก-ผลไม้ ที่หาได้-ปลูกได้ในประเทศเป็นพื้นนี่แหละ ชีวิตจึงมีราคาถูก แต่จิตวิญญาณเพื่อชาติสูง 
 ตรงนี้ได้ทั้งรากสังคม และรากเศรษฐกิจ สมมุติว่าคนอินเดียกินแหลกอย่างบ้านเรา คิดดูซิ คนเป็นพันล้าน จะผลาญเงินสูญเปล่าไปกับการหาเนื้อสัตว์มาเพื่อบริโภคขนาดไหน และที่สำคัญ คนจะอดตายกันมากมาย เพราะหันไปกินสัตว์ซึ่งมีจำเพาะ ซ้ำต้นทุนสูงกว่าพืช
 อาหารก็คือยา อาหารอินเดีย..ใช่เลย เพราะสมุนไพรล้วนๆ!
 อันนี้พูดกันแบบลิ้นมาตรฐานคุณนิวัติ กองเพียร ใครกินพืช-กินสัตว์ กูไม่สนใจ เพราะกูกินไข่อย่างเดียว (ยกเว้น ไข่ บูติก) แต่เมื่อไม่มีไข่ ก็ต้องกินพืช  กินจากกี่แห่ง..กี่แห่ง..ทั้งโรงแรม ทั้งร้าน ทั้งข้างถนน ฝีมือใช้เครื่องเทศผสมผสานผักออกมาเป็นอาหารในรูปต่างๆ คุณนิวัติยอมรับว่าอร่อยกว่าบ้านเรา 
 ผมไม่ค่อยเชื่อลิ้นคนที่กินแต่ไข่ แต่เมื่อคุณสนิทสุดา เอกชัย กับคุณสุรนุช  ธงศิลา ช่วยยืนยันอีก ๒ คนว่า แม้อาหารอินเดียบ้านเราก็ยังสู้ไม่ได้ ผมที่ปกติเป็นคนกินง่าย ก็เลยต้องเป็นคนเชื่อง่ายไปด้วย!
 และการกินผักเป็นพื้นของอินเดียนี่ มันเป็นรัฐศาสตร์การบริหารและการปกครองไปในตัว ผมว่าเองนะ เพราะอินเดียประกอบด้วยคนหลายเผ่า หลายเชื้อชาติ หลายศาสนา เมื่อต้องอยู่ร่วมกัน วัฒนธรรมการกิน-การอยู่-การเชื่อ  ย่อมแตกต่างกัน การจะให้ใครละทิ้งของตัวเองแล้วไปยอมรับนับถือของคนอื่น  มันเป็นไปไม่ได้
 บางคนไม่กินเนื้อวัว เพราะเป็นฮินดู
 บางคนไม่กินเนื้อหมู เพราะเป็นมุสลิม
 บางคนไม่กินปลา เพราะปลาเป็นพาหนะพระเจ้า

 เมื่อต้องอยู่ร่วมเป็น "คนอินเดีย" จะทำไงที่จะไม่ให้เสียหลักการของตัวเอง ฉะนั้นก็ใช้ "ผัก-ผลไม้-ธัญพืช" นี่แหละเป็นอาหารหลักในการรวมให้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งเดียวในความเป็นชาติ อย่างอื่นไม่เหมือนกันไม่เป็นไร แต่กินเหมือนกันซะอย่าง คนไม่ตาย ชาติก็ไม่ตาย

 อ้าว..แล้วมีเนื้อสัตว์ที่เป็น "กลางๆ" บ้างมั้ยที่กินได้ทุกเชื้อชาติ ศาสนา  เหมือนพืช-ผัก-ธัญพืช?
 หวยไปออกที่..ไก่ ครับ!

 เกิดชาติหน้าฉันใด ขออย่าได้ไปเกิดเป็นไก่ที่อินเดียเล้ย..พ่อเจ้าประคู้น  เพราะคล้ายเป็นอาหารเนื้อสัตว์สากลรวมของคนทุกศาสนา กินอะไรไม่ได้ก็มาลงที่ไก่นี่แหละวะ ไปอินเดีย (บ้านนอก) ๔-๕ วัน แม้เมินหน้า เมนูไก่จ๋าก็ยังวิ่งเข้ามาป้อ จำใจกินจนคุณปรีดาร้องก๊อกๆๆๆ ประชด 

 แต่กัปตันชาวอินเดียนึกว่าคุณปรีดาประทับใจเมนูไก่ เลยตักมาโปะให้เต็มถาดพร้อมกับร้องก๊อกๆๆๆ หัวเราะกันจนไข่กี้เล็ด!
  นอกจากไก่แล้ว ถ้ากินตามโรงแรม จ้องถาดหาที่เขาเขียนว่า Mutton  Curry หรือไม่ก็ Logan Josh เอาไว้ให้ดีเถอะ เป็นแกงแพะอร่อยอย่าบอกใครเชียว เขาไม่ใช้กะทิ แต่ใช้โยเกิร์ตกับนม ที่ขาดไม่ได้คือเครื่องเทศมากมายเหมือนจ่ายยาจีน ใบอะไรต่อมิอะไรเป็นสิบชนิด ออกมาหน้าตาเหมือนแกงแพนง แกงฉู่ฉี่ข้นๆ
 ตักมา แล้วฉีกแป้งจะปาตี หรือนาน หรือนาอัน ที่ปิ้งจนฟูเหมือนข้าวเกรียบว่าวยัดใส่ปาก หยิบหัวหอมบีบมะนาวโยนใส่ปากเคี้ยวๆ ตามเข้าไป ถ้าจะให้เห็นสวรรค์รำไรก็คว้าพริกชี้ฟ้าอินเดียในถ้วยกัดกร้วม อื้อฮืออออ..เล่าแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก!

 เหตุผลที่คนอินเดียไม่กินวัว ไม่กินหมู และไม่นิยมกินปลา ผมว่าเป็นเหตุผลที่เป็นเหตุ-เป็นผลจริงๆ อย่างเนื้อวัว-เนื้อหมู ก็ทราบกันอยู่ว่าเป็นเรื่องศาสนา แต่การไม่กินปลาที่อ้างว่าเป็นพาหนะพระเจ้าบางองค์นั้น ฟังแล้วทะแม่งๆ แต่เมื่อพินิจลงไปในรายละเอียด มองผ่านสายน้ำคงคากันศักดิ์สิทธิ์
 ไม่รู้กี่ร้อยล้าน-พันล้านศพที่ลอย ตุ๊บป่อง..ตุ๊ปป่อง..ด้วยความเชื่อว่า ไปกับสายพระแม่คงคาจะสู่สวรรค์นั้น บรรดามัจฉาน้อยใหญ่ คงยิ้มน้อย-ยิ่มใหญ่ เพราะทั้งเบรกฟัด ลั้นซ์ และดินเนอร์ เพียบพร้อมด้วยเมนูเนื้อฉุๆทุกมื้อ 
 ใครอยากกินปลาที่อินเดีย ก็...เชิญ ผมมันพวกนิยม Veg ซะแล้วจึง โน คอมเมนท์!
 อินเดียนี่ ใครที่ว่าเขาสกปรก คิดผิด-คิดใหม่ได้ เพราะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์แห่งความสะอาดไปวัดเขาใช่ไหม ลองคิดในมุมนี้ซีครับ ปีหนึ่ง เราเจ็บป่วยหาหมอกี่ครั้ง แล้วคนอินเดียกี่ครั้ง ผมผ่านหน้าโรงพยาบาลที่มุมไบ ไม่เห็นแถวคนไปเอารองเท้าจองคิวตั้งแต่ตี ๔ เหมือนบ้านเราเลย

 แสดว่าคนอนามัยจัด คนสะอาดอาบน้ำแล้วต้องแรปตัวเองก่อนออกจากบ้าน สุขภาพอนามัย และภูมิต้านทานโรคในตัวสู้คนอินเดียที่กิน-นอนคลุกฝุ่นไม่ได้ และที่กลัวกันนัก..."อย่าไปกินเชียวนะที่อินเดีย เดี๋ยวท้องร่วง"เรากินร่วง แต่ทำไมคนอินเดียกินแล้วไม่ร่วง? 

 ฉะนั้น การบริหารคนพันล้านให้อยู่รอด ประชานิยมไม่ได้ ต้องวัฒนธรรม-ประเพณีนิยม ให้อยู่กับธรรมชาติ กินกับธรรมชาติ คิดให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ แล้วชีวิตจะเกิดภูมิต้านทานปลอดโรคตามธรรมชาติ ถึงคราวป่วย ก็ป่วยตามธรรมชาติ และตายตามธรรมชาติ!

 อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้อินเดีย ใหญ่อย่างสัก ไม่ใช่ใหญ่อย่างหยวก นั่นก็คือการยึด"สถาบันครอบครัว"ที่เหนียวแน่น พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ลูก-หลาน อยู่ร่วมบ้าน-ร่วมเพิงกันครบ 
 ไปไหนก็ยกครอบรัวไปกันเป็นกองคาราวาน ที่ดัดจริตกันโก้ๆ โตแล้วต้องแยกบ้าน หรือที่นิยมครอบครัวเชิงเดี่ยว เชิงโด่ เชิงดี้ นั้น ชาติตะวันตกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า"มาผิดทาง"เวลานี้ ฝรั่งจึงเป็นสังคมเคว้งคว้าง ต้องซื้อหมามานับเป็นญาติกันแล้ว

 ของเรา ถ้าไปไหนแบบยกครอบครัว ต้องมีเงินหมื่น ของอินเดียเขาแค่"ปั้นเดียว"เที่ยวได้รอบโลกครับ.

ที่มา นสพ.ไทยโพสต์

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185