ยกชั้น"ปากคลองตลาด" เทียบตลาดโคเวนต์ อังกฤษ ทุ่มพันล้านปรับโฉมศูนย์ดอกไม้เอเชีย
กลุ่มทุนหน้าใหม่ทุ่มพันล้านบาท รีโนเวต 2 ตลาดค้าส่งดอกไม้ ผัก ผลไม้ 15 ไร่ ตลาดยอดพิมาน และตลาด ปากคลองตลาด เทียบชั้นตลาดโคเวนต์ในอังกฤษ ปั้นเป็นตลาดดอกไม้ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
นายสมศักดิ์ พจน์ปฏิญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดยอดพิมาน จำกัด เปิดเผย ว่า หลังประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการที่จอดรถในสถานีหมอชิตใหม่ ให้กับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) โดยดำเนินการภายใต้ชื่อบริษัท พีซีวี ทรานสปอร์ต ซิสเต็มส์ จำกัดแล้ว ล่าสุด บริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ซื้อตลาดยอดพิมาน พื้นที่ 9 ไร่ ย่านปากคลองตลาด ตลาดไม้ดอกไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ก่อตั้งมานานกว่า 50 ปี จากเจ้าของเดิมคือ บริษัทสุดาศิริ มาบริหารจัดการ ภายใต้บริษัท ตลาดยอดพิมาน จำกัด
ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงพัฒนาตลาดใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น โดยใช้ งบประมาณ 300 ล้านบาท โฉมใหม่จะเป็นอาคาร 2 ชั้น มีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น และจัดให้มีที่จอดรถเพิ่ม และมีพื้นที่ส่วนกลางมากถึง 40% ของพื้นที่ทั้งหมด จากเดิมจอดได้ 30 คัน เพิ่มเป็น 128 คัน ขณะที่จำนวนแผงค้ายังเท่าเดิม แต่ลดขนาดให้เล็กลงจาก 4 ตร.ม.เหลือ 3.6 ตร.ม.
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้สัมปทานในการพัฒนาตลาดปากคลองตลาด พื้นที่ 4 ไร่ ติดกับตลาดยอดพิมาน จากองค์การตลาด สังกัดกระทรวงมหาดไทยอีกแห่งหนึ่ง โดยให้ผลตอบแทนองค์การตลาดตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปีประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งเซ็นสัญญาไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อบริษัท ปากคลองตลาด (2552) จำกัด ส่วนนี้จะใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาทปรับปรุงตลาดใหม่ให้ทันสมัย ทั้งรูปแบบ โครงสร้าง และเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางเป็น 30-35% ทั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้จะพัฒนาทั้ง 2 ตลาดให้เชื่อมโยงกัน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า สภาพปัจจุบันของปากคลองตลาดเป็นตลาดขายส่งพืชผักผลไม้ ใช้พื้นที่ริมน้ำส่งของ ส่วนด้านในของพื้นที่เป็นที่วางสินค้า ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ขณะที่ทางเข้าออกไม่สะดวก มีการวางของขายกลางถนน ไม่มีความเป็นระเบียบ ส่วนตลาดยอดพิมาน เป็นตลาดค้าส่งดอกไม้ รวมทั้งผักและผลไม้ซึ่งชาวสวนนำมาค้าขายในลักษณะเช้ามาเย็นกลับ
"เราจะรวม 2 ตลาดเข้าด้วยกัน รวมแล้วมีพื้นที่เกือบ 15 ไร่ จะพัฒนาเป็นตลาดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยยังคงรักษาวิถีและเอกลักษณ์การค้าขายของตลาดในปัจจุบันไว้ทั้ง 2 ตลาด เพียงแต่จะจัดโซน จัดระเบียบใหม่ ให้เป็นตลาดดอกไม้ใหญ่สุดของเมืองไทยและใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ โดยเฉพาะตลาดค้าส่งดอกไม้ จะดึงกลุ่มดอกไม้ ทุกประเภทและดอกไม้เมืองหนาวเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทั้งที่นำเข้าไม้ดอกและไม้ประดับภายในประเทศ"
ด้านรายได้หมุนเวียนทั้ง 2 ตลาด โซนดอกไม้วันธรรมดายอดขายอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท/วัน วันพระอยู่ที่ 10 ล้านบาทต่อวัน ส่วนโซนผักขายส่งยอดขายต่อวันไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ในการบริหารจัดการพื้นที่การค้าขาย จะยังให้สิทธิ์ผู้ค้ารายเดิมก่อน โดยตลาดยอดพิมานมีร้านค้า 470 แผงค้า ส่วนตลาดปากคลองตลาดมี 270 แผงค้า แต่จะเลือกเฉพาะผู้ที่ต้องการค้าขายจริง ๆ ไม่ให้เช่าช่วงเหมือนที่ผ่านมา พร้อมกับจัดระบบพื้นที่ทั้ง 2 ตลาดที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาใช้ให้ถูกหลัก โดยพัฒนาให้ดีและจัดแผงค้าใหม่ให้สวยงามขึ้น เทียบเท่าตลาดโคเวนต์ (Covent) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ขณะเดียวกันกำลังศึกษาการขายส่งดอกไม้ล่วงหน้าอย่างในอัมสเตอร์ดัม และจะจัดให้มีห้องโชว์และประมูลดอกไม้ด้วย
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ริมน้ำจะพัฒนาโดยปรับปรุงภูมิทัศน์ และให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ก่อสร้างทางเดินในรูปแบบ walk way ระยะทาง 250 เมตร เชื่อมจากท่าเรือราชินีบนถึงสะพานพุทธ สร้างท่าเรือเพิ่ม เพื่อให้ เรือท่องเที่ยวมาจอดนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมโบราณสถาน เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณฯ วัดกัลยาณมิตร สนามหลวง วัดเชตุพน เป็นต้น โดยส่วนนี้จะให้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการ
ถือเป็นจุดขายและจุดดึงดูดลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี จะมีทั้งท่าเรือรองรับนักท่องเที่ยว จุดชมวิว จุดถ่ายภาพริมน้ำเป็นที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านค้าขาย กิฟต์ช็อป รวมทั้งให้เช่าพื้นที่จัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่าง ๆ เช่น จัดอีเวนต์เปิดตัวสินค้า จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันลอยกระทง เป็นต้น ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นแลนด์มาร์กอีกแห่งหนึ่งของไทย
"ทั้ง 2 ตลาดการรีโนเวตกำหนดแล้วเสร็จไล่ ๆ กัน ตลาดยอดพิมานปลายปีนี้จะแล้วเสร็จ 70-80% ส่วนตลาดปากคลองตลาดจะเสร็จเดือนมิถุนายน 2555 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ต่อปี 40-50 ล้านบาท"
ในส่วนของอัตราค่าเช่าหลังจากรีโนเวตแล้วเสร็จจะปรับอัตราค่าเช่าใหม่ โดยใช้ฐานค่าเช่าปัจจุบัน โดยแผงค้าในตลาดปากคลองตลาด ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000-6,000 บาท/เดือน จากเดิม 400-1,000 บาท/เดือน ส่วนตลาดยอดพิมาน 2,700-4,000 บาท/เดือน จากเดิม 1,200 บาท/เดือน ระยะเวลาเช่า 3-5 ปี
|