หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย นีละไพจิตร ผิดหวัง ศาลอาญายกฟ้อง ดาบตำรวจเงิน คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร

ศาลอาญายกฟ้องจำเลย 5 คนในคดีอุ้มทนายสมชาย

ภรรยาอดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ผิดหวังกับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร โดยให้ขังจำเลยที่ 1 ไว้ขณะรอฎีกา
ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพันตำรวจตรีเงิน ทองสุก อดีตสารวัตร กอ.รมน.ช่วยราชการกองปราบปรามและพวกอีก 4 คน เป็นจำเลยที่ 1-5 ในกรณีในหายตัวไปของนายสมชาย เมื่อปี 2546
ศาลตรวจสำนวนและประชุมแล้ว เห็นว่า คำอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ว่าจำเลยที่ 1 ทำผิดจริง จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้น ยกฟ้องพันตำรวจตรีเงิน แต่ให้ขังไว้ระหว่างรอฎีกา ส่วนจำเลยที่ 2-5 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือยกฟ้อง
ทั้งนี้ในการพิจารณาวันนี้พันตำรวจตรีเงิน ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยญาติอ้างว่าได้หายสาบสูญไปในเหตุคันกั้นตน้ำถล่ม ที่เขื่อนแควน้อยจังหวัดพิษณุโลก เมื่อ 19 กันยายน 2551 แต่ศาลจังหวัดปทุมธานียังไม่มีคำสั่งว่าเป็นบุคคลสาบสูญ
ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย รู้สึกผิดหวังที่ศาลตัดสินไม่ให้ครอบครัวเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ และส่วนที่ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1-5 เนื่องจากศาลไม่ได้พิเคราะห์ตามข้อเท็จจริง เพราะ 7 ปี ที่นายสมชายไม่ปรากฎ ตัว และคำสั่งศาลแพ่งว่าเป็นบุคคลสาบสูญ น่าจะเพียงพอให้เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว จากนี้จะยื่นฎีกาขอเป็นโจทก์ร่วม และฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และหากที่สุดคดีนี้ศาลฎีการพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เชื่อว่าคดีอุ้มฆ่าจะมีมากขึ้น และไม่สามารถเอาผิดใครได้ โดยฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ

ยกฟ้อง”สว.เงิน”อุ้มทนายสมชาย

 

อุทธรณ์ยกฟ้อง “สารวัตรเงิน” อุ้มทนายสมชาย ศาลชี้พยานให้การสับสน ส่วนอีก 4 ตร.กองปราบ ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น 

ที่ห้องพิจารณา  913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 11 มี.ค. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย และบุตร ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.เงิน ทองสุก  อายุ 50 ปี อดีต สว.กอ.รมน.ช่วยราชการกองปราบปราม พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อายุ 42 ปี อดีตพนักงานสอบสวน กก.4 ป., จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อายุ 40 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กก.2 บก.ทท., ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อายุ 38 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 ป. และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อายุ 45 ปี อดีตรอง ผกก.3 ป. เป็นจำเลยที่ 1-5  ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่  16  มิ.ย.  2547  ระบุว่า

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2547 จำเลยทั้งห้ากับพวก ร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายสมชาย ซึ่งหายตัวไป และลักทรัพย์เอารถยนต์  ฮอนด้าทะเบียน ภง 6768-กรุงเทพฯ , นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ 1 เรือน , ปากกายี่ห้อ มองบลังค์ 1 ด้าม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 903,460 บาท โดยพวกจำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ผลักและฉุดกระชากตัวนายสมชายให้เข้าไปในรถยนต์ของจำเลยทั้ง 5 แล้วจับตัวพาไปซึ่งจนถึงขณะนี้ ไม่ทราบว่า นายสมชาย จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ต่อมาวันที่ 16 มี.ค. 2547 พนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของนายสมชาย  ที่ถูกจำเลยทั้ง ห้า ร่วมกันปล้นทรัพย์ไป เป็นของกลาง

ต่อมาวันที่ 8 เม.ย. 2547  จำเลยที่ 1-4 เข้ามอบตัว และวันที่ 30 เม.ย.47 จำเลยที่ 5 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2549 ว่า การกระทำของ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 เป็นความผิดตาม ม.309 วรรคแรก และ ม.391 พิพากษาจำคุก 3 ปี ส่วนความผิดฐานปล้นทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกขับรถนายสมชายไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ก็ เพื่ออำพรางหลบหลีกการสืบสวนจับกุม ไม่แสดงให้เห็นเจตนาว่า พวกจำเลยประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้นำทรัพย์สินไปจริงหรือไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2 - 5 พิพากษายกฟ้อง

อัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว มีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 - 5 มีความผิดตามฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.คืนวันเกิดเหตุ นายสมชาย ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเขียว ทะเบียน ภง 6768 กรุงเทพมหานครไปพบเพื่อนที่โรงแรมชาลีน่า ย่านรามคำแหง 65 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ  ต่อมา.นายสมชายได้ออกจากโรงแรมเพื่อไปนอนค้างกับเพื่อนที่บริเวณแยกลำสาลี จากนั้นนายสมชายได้หายตัวไป โดยวันรุ่งขึ้นพบรถยนต์ซีวิคคันจอดอยู่ที่สถานีขนส่งหมอชิต เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวบพยานหลักฐานการใช้โทรศัพท์จนสามารถออกหมายจับจำเลยทั้งหมด ซึ่งได้เข้ามอบตัวและให้การปฏิเสธ แต่คำเบิกความของพยาน 3 ปากให้การว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนเห็นรถยนต์เก๋งสองคันจอดอยู่ริมถนนรามคำแหง จากนั้นมีบุคคล 3-5  คนฉุดกระชากนายสมชาย ขึ้นรถเก๋งคันหลังไป แต่ไม่เห็นใบหน้าชัดเจน ประกอบกับเอกสารการใช้โทรศัพท์ติดต่อของจำเลยที่ 2-5 ที่ได้มาจากบริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นเป็นเพียงสำเนา ไม่อาจใช้รับฟังในชั้นศาลได้ พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2-5 ตามศาลชั้นต้น

มีประเด็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยคดีนี้จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าไม่มีพยานเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน แม้ปรากฏว่ามีแสงไฟจากเสาไฟฟ้า มองเห็นสลัวได้ในระยะประมาณ 10 เมตร รวมทั้งแสงไฟจากริมรั้วบ้าน และแสงไฟจากรถยนต์ที่สัญจรไปมา แต่พยานให้การว่าเห็นชาย 3-5 คน ผลักดันชาย อายุประมาณ 50 ปี รูปร่างไม่สูงใหญ่ สวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวให้ขึ้นรถเก๋ง แต่พยานให้การว่ามองเห็นจากด้านข้าง รูปร่างคล้ายจำเลยที่ 1 อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นจำเลยที่ 1 คำให้การของพยานยังสับสน จึงมีเหตุความสงสัยตามสมควร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยที่ 1 อุทธรณ์จำเลยที่ 1 ฟังขึ้น พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง แต่คดีนี้ศาลได้ออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว เพราะเกรงจะหลบหนี จึงให้ออกหมายขังจำเลยที่ 1 ไว้ระหว่างฎีกา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้จำเลยที่ 2-5 เดินทางมาศาล ส่วน พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1ที่ศาลออกหมายจับเพราะมีพฤติการณ์จะ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา  พร้อมสั่งปรับนายประกัน 1.5 ล้านบาท โดยนายประกันแถลงโต้แย้งว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้หลบหนี แต่เป็นบุคคลสาบสูญ จึงแยกสำนวนส่งให้ศาลอุทธรณ์เพื่อมีคำสั่งต่อไป

ที่มา นสพ.เดลินิวส์

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185