หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย วีรบุรุษอาหรับ เป็นผู้นำเลวจริงหรือ?

"กัดดาฟี"เป็นผู้นำเลวจริงหรือ? 

กัดดาฟี "อยู่หรือไป" ถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องสงสัย เพราะการทำสงครามฆ่าประชาชนดังที่ปรากฏ เรื่องผิด-เรื่องถูก ไม่ต้องพูดถึง พูดได้คำเดียวคือ ต่อให้ชนะประชาชน ได้เมือง-ได้อำนาจคืน ก็ไม่มีทางชนะ "ประชาคมโลก" ที่จะต้องมาจับตัวไปแขวนคอในฐานะอาชญากรมนุษยชาติแหงๆ!

 เข้าแผน-เข้าล็อก ตามกลไกที่เดินไปสู่เป้าหมาย "จัดระเบียบโลกใหม่" หรือที่ได้ยินกันในคำว่า New World Order ภายใต้สมาคมหรือองค์กรลับ "ฟรีเมซั่น" ซึ่งขับเคลื่อนกลไกโดย "องค์การมนตรีความสัมพันธ์ต่างประเทศ" ดังที่เห็นบทบาทอยู่บ่อยๆ ในวงการเศรษฐกิจและการโลกด้วยคำย่อ CFR

 เปัาหมาย โลกทั้งโลก สั่งการโดย "อำนาจเดียว" ในนามรัฐบาลโลก  รวมเศรษฐกิจ อเมริกาเหนือ-ยุโรป-ญี่ปุ่น เข้าด้วยกัน ใช้เงินสกุลเดียวกันทั้งโลก เรียกว่าเศรษฐกิจ-การเงิน-การเมือง-การศาสนา รวมศูนย์ขึ้นอยู่กับ "อำนาจเดียว" เป็นจักรวรรดิโลก เป็นระบบเศรษฐกิจใหม่เรียก  Corporatocracy ภายใต้เป้าหมาย New World Order
 เดี๋ยวนี้ยี่ห้อ UN-สหประชาชาติ หรือยี่ห้อ WTO-องค์การการค้าโลก  ซึ่งเป็นองค์การในเครือข่ายชักใยของสมาคมฟรีเมซั่นเพื่อการ "จัดระเบียบโลกใหม่" เช่นกัน ท่านจะสังเกตเห็นว่าไม่ค่อยถูกใช้แล้ว โดยเฉพาะ WTO  แทบจะหายไปเลย องค์การใหม่ที่กำลังขึ้นมาเดินบทบาทแทนก็คือ
 CFR "องค์การมนตรีความสัมพันธ์ต่างประเทศ" นี่แหละ!

 อิรัก ที่ป่านนี้ก็ยังอิหลัก-อิเหลื่อไม่รู้จบ ก็ฝีมือเขาล่ะ ด้วยเป้าหมาย "จัดระเบียบโลกใหม่" ใครจะปฏิเสธได้ล่ะว่า ที่กระแส "ประชาชนปฏิวัติ" กลายเป็นโรคระบาดไปทั่วทั้งแอฟริกาเหนือ และอาหรับตะวันออกกลางขณะนี้นั้น คนอยู่ข้างหลังไม่ใช่...ฟรีเมซั่น!?

 โดยเฉพาะลิเบียที่ "นายกัดดาฟี" ปฏิเสธอำนาจตะวันตกมาตลอด  เป็นเหมือน "กรวดในรองเท้า" ของฟรีเมซั่น เพราะไม่สามารถใช้ CFR สยายกรงเล็บเข้าครอบครองและควบคุมกลไกเศรษฐกิจและการเมืองได้เหมือนประเทศอื่น

 ดังนั้น การที่ประชาชนลุกฮือขึ้นปฏิวัติ ขับไล่นายกัดดาฟีซึ่งเป็นผู้นำที่ "ไม่ใช่กษัตริย์" คนเดียวในโลกเวลานี้ที่ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนานที่สุดถึง  ๔๑-๔๒ ปี จะบอกว่า "ฟรีเมซั่นไม่เกี่ยว" ต่อให้อมเทพีสันติภาพกับหอไอเฟลมาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อ!?

 และการที่นายกัดดาฟีระห่ำโหด "ฆ่าประชาชน" จะจะอย่างนี้ มัน "เข้าล็อก-เข้าทาง" ยุโรป-สหรัฐ แกนนำสำคัญขององค์กรลับฟรีเมซั่น ที่จะอ้างความชอบธรรมในการอภิบาลสันติภาพโลกและมนุษยชาติ ใช้องค์การในกลไกของเขาคือ ทั้งสหประชาชาติ ทั้งนาโต เข้าจัดการเจี๋ยนนายกัดดาฟีซะ!
 ท่านสังเกตมั้ย ตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๙๐ ที่นายจอร์จ บุช ผู้พ่อ ประกาศ "จัดระเบียบโลกใหม่" เป็นต้นมา ประเทศที่เป็น "แหล่งพลังงาน" จะเจอกระแส" อำนาจเปลี่ยนโลก" กันถ้วนหน้า

 อิรัก-ก็แหล่งน้ำมัน อาหรับตะวันออกกลาง-ก็แหล่งน้ำมัน อเมริกาใต้-ก็แหล่งน้ำมัน แอฟริกาเหนือ-ก็แหล่งน้ำมัน และทุกแหล่งตามที่บอกไปนี้ ไม่มีประเทศไหนอยู่สงบสุข โดยปราศจากการลุกฮือเพื่อโค่นล้มอำนาจบริหารและปกครองเลย ซึ่งไม่ใช่เพิ่งตอนนี้ เป็นต่อเนื่องมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ฮิต-ฮอตเป็นพิเศษเท่านั้น
 และนี่คือหนังตัวอย่างที่เราจะได้ตามดูกันต่อว่า แล้ว "กัดดาฟี" ผู้ปฏิเสธอำนาจครองโลกจากยุโรป-สหรัฐ จะตายแบบไหน?
 ก็มาทำความรู้จักองค์การเดินเกม "จัดระเบียบโลกใหม่" กันให้ชัดอีกนิด CFR ย่อมาจาก Council on Foreign Relations ตอน "จอร์จ โซรอส" ทุบค่าเงินบาทจนเกิดวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง" ต้องนำประเทศไปจำนำ IMF ในยุคพลเอกชวลิต และนายชวนมารับภาระเป็นรัฐบาลต่อ

 ตอนที่นายกฯ ชวนอยู่นิวยอร์กก็ CRF นี่แหละเป็นเจ้าภาพ และนายจอร์จ โซรอส พ่อตัวดีก็ปรากฏตัวอยู่ในขบวนการ แถมยังเขย่ามือกับนายกฯ  ชวนซะอีก 
 มารู้จักตัวตน "กัดดาฟี" กันหน่อยดีมั้ย "สื่อมอมโลก" ให้ภาพกัดดาฟีเป็นคนเลวด้านเดียว ลองมารู้จักกันอีกด้าน ผมขออนุญาตเว็บ "บ้านจอมยุทธ" คัดลอกเพื่อการศึกษาร่วมกันนะครับ

 กัดดาฟีเกิดเมื่อ ค.ศ. 1942 เขาเกิดในกระโจมในทะเลทรายใกล้เมืองเซอร์ตี มีชื่อเต็มๆ ว่า มูอัมมาร์ กัดดาฟี พ่อเป็นชาวอาหรับ เบดูอิน ซึ่งพเนจรเร่รอนไปในทะเลทราย เป็นชนเผ่าเบอร์เบอร์ อาชีพเลี้ยงสัตว์ขาย  ตระกูลของเขานับตั้งแต่ปู่ล้วนเคยต่อสู้กับทหารอิตาเลียน ที่เข้ามายึดครองลิเบียอย่างกล้าหาญ ถือได้ว่าเขาสืบสายเลือดชาตินิยมอาหรับมาเลยทีเดียว

 ในวัยเยาว์กัดดาฟีเรียนหนังสือได้ดีมาก และเมื่ออายุได้ 14 ปี ใน ค.ศ. 1956 เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับ ก็ได้ก่อให้เกิดความสำนึกทางการเมืองแก่กัดดาฟีอย่างแรงกล้า เนื่องจากในปีนั้น นัสเซอร์ ผู้นำแห่งอียิปต์ได้โอนคลองสุเอซเป็นของรัฐ ยังผลให้อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอล ยกทัพบุกอียิปต์
 กัดดาฟีได้จัดตั้งกลุ่มนักเรียนขึ้นเพื่อสนับสนุนนัสเซอร์ ผู้เป็นวีรบุรุษของเขา กัดดาฟีเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งเดินขบวนและสไตรค์จนถูกไล่ออกจากโรงเรียน ต้องจ้างคูรมาสอนที่บ้านจึงเรียนจบ เมื่ออายุได้ 19 ปี ก็เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยที่แบงกาซี ตามแบบนัสเซอร์

 เมื่อเป็นนักเรียนนายร้อย กัดดาฟีก็ค่อยๆ ปลูกฝังความคิดในเรื่องชาตินิยมอาหรับแก่เพื่อนๆ ชั้นเดียวกัน ทำนองเดียวกับที่นัสเซอร์ จัดตั้งขบวนการนายทหารเสรีในวัยหนุ่ม เพื่อปฏิวัติโค่นราชบัลลังก์ฟารุคนั่นเอง

 เมื่อจบจากโรงเรียนนายร้อยแล้ว กัดดาฟีได้เป็นนายทหารในกองทัพบก และทำงานใต้ดินติดต่อกับเพื่อนๆ นายทหารของตน บรรดานายทหารที่ร่วมวางแผนปฏิวัติกับกัดดาฟีล้วนใช้ชีวิตมัธยัสถ์อดออม เคร่งศาสนาเยี่ยงมุสลิมที่ดี ซึ่งกัดดาฟีได้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างมาตลอด

 ด้วยเหตุนี้คณะนายทหารกลุ่มกัดดาฟีจึงเป็นนายทหารที่หาได้ยากในลิเบีย เพราะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน และไม่ใช้ชีวิตเหลวแหลกในเรื่องผู้หญิง
 กัดดาฟีอายุได้ 24 ปี เขาถูกส่งไปศึกษาต่อวิชาสื่อสารที่ประเทศอังกฤษ 6 เดือน ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 ก็ได้เป็นร้อยเอก ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนายทหารคนสนิทผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารสื่อสาร และในปีเดียวกันนั้นเอง กัดดาฟีกับคณะนายทหารของเขาจึงได้ตกลงใจกันที่จะยึดอำนาจโค่นล้มรัฐบาลระบบกษัตริย์ของลิเบีย
 ซึ่งลิเบียในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น กลายเป็นแหล่งดึงดูดมหาอำนาจตะวันตก เพราะได้มีการค้นพบบ่อน้ำมัน ในปี ค.ศ. 1959 ชนชั้นปกครองร่ำรวยล้นฟ้า บริษัทต่างประเทศเข้ามาขอสัมปทานน้ำมัน ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในลิเบียถัดจากกษัตริย์ไอดริส ได้แก่ตระกูลเชลฮี ซึ่งกุมอำนาจสูงสุดทางการเมือง
 และจากความมั่งคั่งของชนชั้นปกครอง และความอดอยากยากจนของพลเมือง กัดดาฟีและคณะนายทหารของเขาจึงไม่อาจจะอดทนรอได้ต่อไป  วันที่ 1 กันยายน ปี ค.ศ. 1969 ขณะนั้นกษัตริย์ไอดริสเสด็จออกไปนอกประเทศ และในคืนนั้นเอง นายทหารผู้ใหญ่ของกองทัพบกได้เชิญนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากินเลี้ยงกันเป็นการใหญ่
 พอตกค่ำ กัดดาฟีก็เคลื่อนกำลังเข้าจู่โจมจับกุมตัวนายทหาร และนายตำรวจเหล่านั้นได้ทั้งหมด จากนั้นนายทหารชั้นนายร้อยทั้งหลายก็แยกย้ายกันเข้ายึดเมืองตริโปลีและเบงกาซี โดยใช้รถถังและรถเกาะเข้ายึดสถานีวิทยุ  ที่ทำการไปรษณีย์ และสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ตลอดจนค่ายทหารที่อาเซียและพระราชวังด้วย
 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองทัพบกและตำรวจแห่งชาติก็อยู่ภายใต้การบังคับการของกัดดาฟี เพื่อสะดวกแก่การบังคับบัญชาเขาได้เลื่อนยศตนเองเป็นนายพันเอก และดำรงตำแหน่งประมุขสูงสุดของสาธารณรัฐลิเบีย และผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานสภาปฏิวัติ ซึ่งสถานะนี้มีอำนาจปกครองประเทศ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 12 คน ได้แก่นายทหารที่ร่วมคบคิดกันมากับกัดดาฟีนั่นเอง

 หลังจากยึดอำนาจจากรัฐบาลได้แล้ว กัดดาฟีได้แก้ปัญหาเรื่องเอกราชก่อน โดยการไม่ยินยอมให้สหรัฐและอังกฤษตั้งฐานทัพในลิเบียอีกต่อไป  มหาอำนาจทั้งสองจึงต้องถอนกำลังออกทั้งหมด แล้วจึงขึ้นค่าภาคหลวงน้ำมันขึ้นมาอีก 120 เปอร์เซ็นต์ และภายหลังได้โอนมาเป็นของรัฐ ยังผลให้ลิเบียเป็นประเทศที่มั่งคั่งที่สุดประเทศหนึ่งในตะวันออกกลางสมัยนั้น

 จากนั้นกัดดาฟีได้ใช้เงินที่ได้จากน้ำมันพัฒนาโครงการเศรษฐกิจ และก่อสร้างบ้านเรือนที่ทันสมัย ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 ปรากฏว่ารายได้เฉลี่ยของชาวลิเบียสูงถึง 7,000 เหรียญฯ ต่อปี กัดดาฟียึดรถยนต์เมอร์เซเดส ที่เจ้านายและนักการเมืองในอดีตใช้กันอย่างหรูหรา ได้ถึง 600 คัน ส่วนตนเองใช้รถจี๊ปแลนด์โรเวอร์ และยังได้ลดเงินเดือนรัฐมนตรีลงครึ่งหนึ่ง ลดค่าเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยของคนจนลง 1 ใน 3

 หลักการปฏิวัติของกัดดาฟีนั้นมีอยู่ในหนังสือที่เขาเขียนเอง ที่เรียกกันว่า Green Book ซึ่งเป็นการนำเอาหลักการต่างๆ ในพระคัมภีร์กุรอานมาปรับใช้ในโลกสมัยใหม่ เขาถือว่าลัทธิทุนนิยมล้าสมัยไปหมดแล้ว ส่วนลัทธิมาร์กซ์ก็คือสังคมยูโทเปีย ที่ปกครองด้วยระบบราชการ

 จากความจำเป็นอันเนื่องมาจากมหาอำนาจตะวันตก ล้วนเป็นปรปักษ์ต่อลิเบีย กัดดาฟีจึงต้องซื้ออาวุธจากโซเวียตเป็นจำนวนมาก ทั้งรถถัง เครื่องบิน ปืนใหญ่ และยุทโธปกรณ์อย่างอื่นอีก จึงไม่แปลกเลยที่ในสายตาของชาวลิเบียและชาวอาหรับมากมาย กัดดาฟีคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอาหรับ ผู้สืบทอดอุดมการณ์ชาตินิยมอาหรับจากนัสเซอร์ ทั้งที่ในสายตาของรัฐบาลอเมริกา เขาคือปีศาจร้ายที่ต้องต้องทำลายให้สิ้น เพราะอยู่เบื้องหลังพวกก่อการร้ายชาวอาหรับจำนวนมาก

 จบเท่านี้ครับ ขอขอบคุณเว็บไซต์ "บ้านจอมยุทธ" ด้วย และท่านที่สนใจมากกว่านี้ เปิดดูได้นะครับ.

 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185