ขอแสดงความอาลัยต่อ "คุณแม่ถ้วน หลีกภัย" รัตตัญญูชนผู้จากไปด้วยสงบในวัย ๙๙ ปีวานนี้ (๓ มี.ค.๕๔) กิริยาการ "หลับนิรันดร์" โดยไม่มีอาการป่วยไข้อย่างท่านเรียกว่า "สุคโต" คือผู้จากไปดีแล้ว ก็ขอแสดงความเสียใจกับท่านอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ผู้บุตร ตลอดจนทุกท่านใน "ตระกูลหลีกภัย" ที่ต้องสูญเสียหลักใจ "ผู้อันเป็นที่รัก" ของชนทั้งหลายไปในครั้งนี้ด้วย ผู้ประสงค์จะไปคารวาลัยคุณแม่ถ้วน ก็ไปได้ที่ "บ้านเมืองตรัง" ของท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ถึงชาติกำเนิดท่านเป็นคนจีน นั่นเพราะคนเราเลือกที่เกิดเองไม่ได้ แต่ท่านอยู่ในเบ้าหลอมของความเป็นไทยเหมือนกับคนไทยเกือบทุกคนเวลานี้ ซึ่งแต่เดิม ต่างสืบสายเลือดมาจากถิ่นฐานต่างๆ กัน แล้วมาหลอมรวมกันเป็นไทย มีคำสอนแห่งองค์พุทธะ พระผู้เป็นพระบรมศาสดาเจ้า เป็นเข็มทิศนำวิถีร่วมกัน
คนไทย-เมืองไทย ได้ชื่อว่าเป็นเมือง "ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา" ตั้งมั่นมาร่วมพันปีแล้ว จับประวัติศาสตร์รากเหง้าไทยจากกรุงสุโขทัยก็ ๘๐๐ กว่าปีแล้วกระมัง?
มีสุโขทัย มีหน่อไทย เป็นหน่อที่โตด้วยมี "แกนใน" เป็นเสาเข็ม "ชาติไทย-ประเทศไทย" จึงเป็นชาติที่ดำรงคงอยู่มั่นคงถึงวันนี้ตราบวันหน้าตลอดไป เพราะแกนในคือเสาเข็มนี่แหละเป็นตัว "ยึดความเป็นชาติไทย" ให้ผนึกเป็นเนื้อเดียว ชนิดที่ไม่มีอะไรแยกไปจากกันได้ แกนในที่ว่านั้นคือ "คำสอนแห่งองค์พุทธะ" นั่นเอง!
แต่เวลานี้ มีผู้บริหารโรงเรียนบางท่าน "รังเกียจ" แกนในเสียแล้ว คือเมื่อ ๓-๔ วันก่อน "มหาเถรสมาคม" หรือ มส.ได้ประชุมกันที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (๒๘ ก.พ.๕๔) ปรารภด้วยเรื่อง ข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนา ในคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ผู้บริหาร "โรงเรียน-สถาบันศึกษา" ในที่ของวัดหลายแห่ง เกิดอาการ "เนรคุณชาติกำเนิด" เกิดในวัด อยู่ในวัด ใช้ที่ดินของวัด แต่อาย หรือขยะแขยงที่จะใช้คำว่า "วัด" นำหน้าชื่อโรงเรียน!?
มันไม่โก้ ไม่เท่ ไม่ทันสมัย เพื่อนถามว่า...คุณเป็นผู้บริหารอยู่โรงเรียนไหน สอนอยู่โรงเรียนไหน เรียนอยู่โรงเรียนไหน ก็อาย เสียหน้า-เสียตาที่จะตอบว่า..ผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนวัด...ผมเป็นครูโรงเรียนวัด...ผมเรียนโรงเรียนวัด...
นี่ประเด็นหนึ่งละ อีกประเด็นที่เป็นสาเหตุให้ผู้บริหารโรงเรียน-สถาบันศึกษาบางแห่ง อยากตัดคำว่า "วัด" ออก เพราะต้องการเปลื้องพันธะจากวัด แล้วเอาที่ดินวัด อันเป็นที่ตั้งโรงเรียนไปหาผลประโยชน์ด้วยรูปแบบต่างๆ กระทั่งเล่นแร่แปรธาตุ "ขายที่ดิน-ย้ายโรงเรียน" กันไปเลย อะไรประมาณนั้น โธ่...ก็โรงเรียนตามวัดนั้น ร้อยละ ๙๙ ตั้งอยู่ในทำเลทองทั้งนั้น ที่ดินตารางวาละเป็นแสน เป็นล้าน นักธุรกิจพ่อค้าที่ดินล้วนอยากได้ สมมุติ ๑ ไร่ ยอมเอาที่ห่างไกล ๑๐๐ ไร่มาแลก แถมเงินไหว้ครูใต้โต๊ะต่างหาก ถ้าช่วยทำให้ "โรงเรียนวัด" กลายเป็นสถานที่ตั้ง "โรงแรม" หรือศูนย์การค้าได้ เนี่ย...ผู้บริหารที่เรียนมาสูง แต่จิตใฝ่ต่ำประมาณนี้ มีพฤติกรรมให้ปรากฏเป็นหน่อ-เป็นแนว สาธุชนคนดีเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว เช่นนายอดิศักดิ์ วรรณสิน นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ ได้ยื่นหนังสือให้คณะอนุกรรมาธิการฯ ตรวจสอบว่า เวลานี้โรงเรียน และสถาบันการศึกษาของวัดหลายต่อหลายแห่ง ได้ตัดคำว่า "วัด" ที่เคยใช้นำหน้าชื่อโรง นำหน้าชื่อสถาบันการศึกษาทิ้งไป ควรพิจารณาระงับยับยั้งด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสาย และในที่สุด เรื่องก็ถูกนำเสนอต่อมหาเถรสมาคม เพื่อให้พิจารณาสั่งการ
ผลประชุม มส.ออกมาดังนี้ครับ ไม่ให้ตัดคำว่า "วัด" ที่ใช้นำหน้าชื่อโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของวัด หรือธรณีสงฆ์ หากที่ใดตัดออกไปแล้ว ต้องนำกลับมาใส่ตามเดิม
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บอกว่า "มติดังกล่าวมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จากนี้ไป วัดจะต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบว่า ห้ามตัดคำว่า 'วัด' ออกจากชื่อของโรงเรียน หากโรงเรียนไหนตัดออกไปแล้ว ให้นำกลับมาใส่นำหน้าชื่อโรงเรียนเหมือนเดิม ถ้าวัดใดไม่ดำเนินการ ถือว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง มส. เพราะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ของวัดปัจจุบันจะต้องทำสัญญาเช่าตามระเบียบการเช่าพื้นที่ธรณีสงฆ์ โดยวัดสามารถกำหนดเงื่อนไขการทำสัญญาว่า 'โรงเรียนห้ามตัดคำว่า 'วัด' ออก' ซึ่งมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างโรงเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร ที่จะตัดคำว่าวัดออก แต่ทางวัดบวรฯ แจ้งว่า ถ้าตัดคำว่าวัดออก ก็ต้องย้ายโรงเรียนออกไปจากพื้นที่วัดด้วย.........."
ตรงนี้ ผมลอกมาจากข่าวมติชนเขานะครับ ก็ถูกต้องแล้ว รังเกียจที่จะใช้ชื่อวัด ไม่เห็นยาก ก็ย้ายโรงเรียนออกไปจากที่วัด เท่านั้นก็หมดเรื่อง อย่าทำเป็น "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" อยู่เลย ไม่อยากใช้ชื่อวัด แต่อยากได้ที่วัด แปลกดีนะ อาจารย์นะ!
มติ มส.นี้ ผมคิดว่าเป็นที่ปลาบปลื้มโสมนัสของคนไทยทั่วไป ยับยั้งผู้บริหารโรงเรียน หรือบางที ยับยั้งพระคุณเจ้าบางแห่ง-บางที่ที่อาจ "สมคบผู้บริหารโรงเรียน" เพื่อการอย่างใด-อย่างหนึ่งในการตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียน
เรื่องนี้ สะท้อนถึงความเสื่อมของ "รากไทย" อย่างหนึ่ง ความไม่รู้-ไม่เข้าใจอย่างหนึ่ง ทัศนคติที่ให้คุณค่าทางสังคมผิดๆ อย่างหนึ่ง ไม่ศรัทธาในความเป็นชาติ-เป็นคนของตัวเองอย่างหนึ่ง คนไทยวันนี้ โตเหมือนถั่วงอก เพาะเย็น-โตเช้า อนาคตคือ ลงไปอยู่ในกระทะ และชามก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ก็โตแบบผักไฮโดรโปนิกส์ รากไม่ยึดดิน งอกงามโตสะพรั่ง วัน-สองวันก็ไปแอ้งแม้งให้ส้อมจิ้มอยู่ในจานสลัด ก่อนจะเป็นขยะในรูปเศษอาหารลงไปนอนอยู่ในถัง!
ไม่มีวัด ก็จะไม่มีไทย ไม่มีศิลปวิทยาการเป็นอารยะไทย และไม่เพียงชาติไทยชาติเดียว เกือบทุกชาติในโลก ถือกำเนิด-เกิดก่อ และโตใหญ่ขึ้นมาได้จากรากเหง้าศาสนาแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู วัดคือศูนย์กลางแห่งการบริหารและปกครอง ศูนย์กลางของศาสตร์เพื่อการวิวัฒนาการทั้งปวง วัดเป็นทั้งเบ้าหลอมชาติ เบ้าหลอมประชาชนให้เป็นคนอารยะ ลืมวัด-ทิ้งวัด-รังเกียจวัด เท่ากับลืมชาติกำเนิดตัวเอง คืนความเป็นมนุษย์ของตัวเองสู่ความเป็นสัตว์ ซึ่งไม่มีสติ และหิริ-โอตตัปปะ เป็นอาภรณ์ประดับใจ
ผมเห็นบ่อยๆ ตามถนน ตามเน็ต ตามวงสนทนา เชิดหน้าประกาศด้วยภูมิใจ "ข้า..เด็กเซนต์โว้ย"! ถ้ามีสติ ก็ควรแปลงไฟล์ "เด็กเซนต์" ออกมาได้ว่า มันไม่ต่างจากที่เราจะยืดอกประกาศได้เช่นกันว่า "ข้าก็..เด็กวัดโว้ย"! เพราะ "เด็กเซนต์" กับ "เด็กวัด" ก็คือเด็ก "โรงเรียนวัด" เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันตรงภาษาที่เรียกเท่านั้น ของเราเรียกพระ เรียกหลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงตา ฝรั่งเขาเรียกเซนต์ คือนักบุญ นักบวช สาธุคุณในชื่อเรียกต่างๆ กันนั่นแหละ
โรงเรียนฝรั่งทุกโรงเรียนในบ้านเรา เป็นโรงเรียนวัดทั้งนั้น ต่างกันเพียงของเราเป็นวัดพุทธ ของเขาเป็นวัดคริสต์ แล้วทำไมจึงใช้ค่านิยมคำว่า "เด็กเซนต์" เหนือกว่า "เด็กวัด"?
กับนักเรียนผมไม่ถาม แต่ถามกระทรวงศึกษาฯ ถามครูบาอาจารย์ ถามผู้บริหารที่ดิ้นทุรน-ทุรายอยากตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียน แทนที่จะอบรมสั่งสอนให้เด็กภูมิใจในรากเหง้าของตัว กลับสร้าง "ภาวะเสื่อม" ด้วยการไม่ให้เกียรติคำว่า "วัด" แต่กระเดียดหลงใหลได้ปลื้มกับคำว่า "เซนต์"
โรงเรียนอัสสัมชัญน่ะ ท่านทราบมั้ย เดิมชื่อ "โรงเรียนไทย-ฝรั่งเศส วัดสวนท่าน" บาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ในเครือภราดาเซนต์คาเบรียล ฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้น สอนศาสนาโดยเฉพาะ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนอาซมซาน กอเล็ศ" คงเรียกยาก-จำยาก เปลี่ยนเป็น "โรงเรียนอาศรมชัญ" พระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ ปลัดกระทรวงศึกษาไทยสมัยนั้นปรับแต่งให้เข้าเสียงไทยเป็น "โรงเรียนอัสสัมชัญ" ซึ่งก็แปลว่า ที่ระงับบาปและหาวิชาความรู้ โดยไม่เสียรูปลักษณ์และความหมายภาษาเดิมของเขา
เซนต์คาเบรียล ก็โรงเรียนวัดของนักบวชนิกายโรมันคาทอลิก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าหมายถึงนักบวชของคริสต์ที่ชื่อ "เกเบรียล" เซนต์โยเซฟ ก็โรงเรียนในคณะเซนต์ ปอล เดอ ชาร์ตร จากฝรั่งเศส คุณแม่อธิการิณี แซงต์ ซาเวียร์ ก่อตั้งขึ้น ถ้าเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทยคงจำได้ ตั้งแต่แผ่นดินสมัย "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" โน่นแล้ว พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ส่งคณะนักบวชเข้ามาโน้มน้าวให้สมเด็จพระนารายณ์รับเอาศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติให้ได้
แต่ก็ทำได้เพียงสร้าง "โบสถ์เซนต์โยเซฟ" ขึ้นที่อยุธยา แถวๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างที่เห็น เซนต์โยเซฟก็คือ นักบุญที่เป็นบิดาของพระเยซูนั่นเอง! โรงเรียนมาแตร์เดอี นี่ก็โรงเรียนวัดอีกเหมือนกัน มาแตร์ เดอี เป็นภาษาละติน หมายถึง "มารดาของพระเจ้า" คือคุณแม่มารี เบอร์นาร์ด มัวแซล คณะอุร์สุลิน จากกรุงโรม มาสร้างถวายมารดาพระเจ้า
สรุป โรงเรียนฝรั่งในเมืองไทยทั้งหมดก็คือ "โรงเรียนวัด" ไม่เห็นผู้บริหารคนไหนต้องการให้ตัดคำว่า "เซนต์" หรือคำที่แสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นโรงเรียนวัดออกไปเลย ตรงกันข้าม กลับมีเด็กไทย-คนไทย อยากอยู่ใต้ยี่ห้อเซนต์กันมากขึ้นด้วยซ้ำ?
แล้วทำไมผู้บริหารโรงเรียนวัดของพุทธ จึงอยากตัดคำว่า "วัด" ออกจากชื่อโรงเรียนกันนัก ช่วยกันคิดหน่อยซิ.... ทำยังไงถึงให้ผู้ปกครองแย่งกันนำลูกหลานมาเรียนโรงเรียนวัดไทย เหมือนที่ใครต่อใครอยากให้ลูกหลานได้เรียนในโรงเรียนที่มีคำว่า "เซนต์" นำหน้าบ้าง?
ที่มา ไทยโพสต์ |