ไปซะแว้วว์ว์ว์...มูบารัก แถมยังหอบเอา โอมาร์ สุไลมาน รองประธานาธิบดี ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับโอนอำนาจไปหมาดๆ แต่สุดท้าย...ก็พังพาบ ต้องกลายเป็นมัมมี่แห่งพิพิธภัณฑ์กรุงไคโรไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ภายใต้จุดจบของ ระบบมูบารัก คราวนี้...ใช่ว่าจะเป็น จุดสิ้นสุด ของปัญหาทั้งสิ้น ทั้งปวง ในอาณาจักรฟาโรห์ก็หาไม่ ดีไม่ดี อาจต้องถือเป็น จุดเริ่มต้น ของปัญหา อันสุดแสนจะสลับซับซ้อน พิสดาร ด้วยซ้ำ... -------------------------------------------------- ถ้ามองจาก ปัจจัยภายใน ของสถานการณ์การเมืองในอียิปต์ หลังจากที่ ระบบมูบารัก ได้ล่มสลายลงไปแล้ว พลังต่างๆ ที่จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศอียิปต์นับจากนี้ต่อไป น่าจะประกอบไปด้วยพลังหลักๆ ประมาณ 3 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ...อันดับแรก พลังของชาวอียิปต์ที่มีรสนิยมออกไปทางเสรีนิยม หรือประเภทนิยมชมชอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก กู่ร้องคำว่า ฟรีดอม...ฟรีดอม อยู่กลางจัตุรัสตอห์รีร์ จนเป็นที่ประทับใจของบรรดาผู้สื่อข่าวตะวันตกอย่างซีเอ็นเอ็น หรือบีบีซีก็แล้วแต่... ----------------------------------------------------- อันดับที่สอง ก็คือพลังของชาวอียิปต์ที่มีรสนิยมออกไปทางศาสนานิยม ซึ่งถูกเรียกขานกันในนามกลุ่มภราดรภาพมุสลิม หรือ มุสลิม บราเธอร์ฮูด ทั้งหลายนั่นเอง แม้นว่าเท่าที่ผ่านมา กลุ่มก้อนดังกล่าว จะไม่พยายามแสดงออกถึงอาการสุดโต่งเกินไปนัก พยายามปรับตัวเข้าหาฝ่ายเสรีนิยม จนสามารถบรรลุเป้าหมายในการโค่นล้ม ระบบมูบารัก ลงไปได้สำเร็จ หรือแม้ว่าฝ่ายอเมริกันและตะวันตก จะพยายามเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว เพื่อไม่ให้พลังเหล่านี้ต้องกลายมาเป็นปรปักษ์กับตัวเองทั้งปัจจุบัน หรืออนาคต อย่างเช่นประกาศแนวทาง ไม่เป็นศัตรูกับอิสลาม ของประธานาธิบดี โอบามา เป็นต้น แต่โดยลักษณะพื้นฐานของแนวคิดศาสนานิยม แบบฉบับอิสลามดั้งเดิม ยังไงๆ มันย่อมแปลกแยก แตกต่างไปจากทุนนิยม และเสรีประชาธิปไตยแบบสุดๆ ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วแน่ๆ... ----------------------------------------------------- และภายใต้ความแตกต่างระหว่างพลังเสรีนิยม กับพลังศาสนานิยม ในหมู่ชาวอียิปต์ด้วยกันเองนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีพลังอีกพลังหนึ่ง หรือพลังอันดับสาม ที่จะเป็นตัวชี้ขาด ตัดสิน ทิศทางความเป็นไปของประเทศนี้ อย่างมิอาจแยกออกไปได้โดยเด็ดขาด นั่นก็คือพลังของกองทัพ ที่ยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจนว่าต้องการให้ประเทศอียิปต์เป็นไปในแบบไหนกันแน่ ระหว่างการเน้นหนักไปในแนวเสรีนิยม หรือแนวศาสนานิยม แถมยังไม่อาจรวบรัดตัดสินได้ว่า จะโอนเอียงไปตามอิทธิพลของอเมริกา หรืออิทธิพลของจีน ซึ่งต่างพยายามเข้ามามีบทบาทอิทธิพลในพื้นที่ภูมิรัฐศาสตร์แห่งนี้ อันเป็นเสมือนปากประตูไปสู่แอฟริกา และตะวันออกกลางดังที่เคยกล่าวไปแล้ว... ------------------------------------------------- ด้วยเหตุนี้...สถานการณ์ความเป็นไปของประเทศอียิปต์ในอนาคต จึงหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับ ปัจจัยภายนอก อีกด้วย และพลังภายนอกที่พยายามเข้ามามีส่วนในการกำหนดทิศทางของประเทศนี้ คงประกอบไปด้วยพลังหลักๆ 3 ส่วนเช่นกัน อันดับแรก ก็คือมหามิตรผู้ทรยศอย่างสหรัฐอเมริกา (ซึ่งจะรวมเอาอิสราเอลควบคู่ไปด้วยก็ย่อมได้) ผู้เคยป่าวประกาศเจตจำนงและจุดมุ่งหมาย ต้องการที่จะพลิกโลกอาหรับ ให้กลายเป็นโลกประชาธิปไตยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะโดยกรรมวิธีแบบหยาบๆ ง่ายๆ โง่ๆ ตามแบบฉบับพรรครีพับลิกัน หรือวิธีนิ่มๆ ละมุนละไม อย่างที่เรียกว่าพลังอำนาจแบบฉลาด ตามสไตล์พรรคเดโมแครตก็แล้วแต่... ---------------------------------------------- ส่วนอันดับสอง...คงหนีไม่พ้นไปจากยี่ห้อ เล้งอยู่สะพานขาว หรือพญามังกรจีนนั่นเอง ซึ่งในช่วงระยะทศวรรษที่ผ่านมา ได้หันมาให้ความสำคัญพื้นที่แอฟริกา และตะวันออกกลางเอามากๆ บนพื้นฐานยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงาน เพื่อค้ำยันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอันสุดแสนมหัศจรรย์ ให้เกิดความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดยไม่เกิดอาการสะดุด หยุดยั้ง จนอาจต้องถูกอินทรีไล่จิกตี หรือขอดเกล็ดมังกรเอาดื้อๆ และในพลังที่ว่านี้จะรวมเอารัสเซียเข้าไปด้วยก็คงไม่แปลก เพราะรัสเซียนั้นนอกจากจะเคยมีบทบาทอิทธิพลต่ออียิปต์ ไม่น้อยไปกว่าอเมริกาในครั้งอดีตที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างหมีขาวและมังกรทุกวันนี้ ยังแน่นเหนียวในระดับถือเป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี เอาเลยก็ว่าได้... ------------------------------------------------- สำหรับพลังอันดับสาม...ย่อมไม่อาจปฏิเสธพลังที่เรียกว่า อิสลามสุดโต่ง หรือประเภท อิสลามฟันดาเมนทอลลิสม์ ทั้งหลาย เพราะขณะที่สำนักข่าวตะวันตก ไม่ว่าซีเอ็นเอ็น บีบีซี กำลังส่งเสียงเชียร์การปฏิวัติโค่นล้มระบบมูบารัก ในฐานะ การปฏิวัติประชาธิปไตย ผู้นำสูงสุดของอิหร่านอย่างท่านอิหม่าม อาลี คาเมเนอี ท่านอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงยุ ส่งเสียงเชียร์ การปฏิวัติโค่นล้มระบบมูบารัก ในฐานะ การปฏิวัติอิสลาม ควบคู่ไปด้วย...ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าอิสลามในอียิปต์จะหนักไปทางอิหร่าน หรือหนักไปในทางซาอุฯ จะหนักไปทางชีอะห์ หรือหนักไปทางซุนนีก็ตามที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...อิสลามที่เรียกๆ กันว่า มุสลิม บราเธอร์ฮูด ในอียิปต์นั้น ล้วนเคยมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ลึกซึ้ง กับมุสลิม บราเธอร์ฮูดในซีเรีย เยเมน ปาเลสไตน์ ฯลฯ ซึ่งวิวัฒนาการมาเป็นองค์กร อัลกออิดะห์ อยู่ในโลกก่อการร้ายทุกวันนี้...
------------------------------------------------ ปัญหามีอยู่ว่า...ทั้ง 3 กลุ่ม 3 พลังภายในประเทศอียิปต์ กับทั้ง 3 กลุ่ม 3 พลังนอกประเทศอียิปต์ จะทำปฏิกิริยา และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในแบบไหน? อย่างไร? และผลแห่งปฏิกิริยา และปฏิสัมพันธ์นั้นๆ จะนำพาอียิปต์ และนำพาโลกอาหรับไปสู่แห่งหน ตำบลใด กันแน่!!! มาถึง ณ ขณะนี้...ยังอาจต้องถือว่า เร็วไป กว่าที่จะไปหาข้อสรุปออกมาให้ชัดๆ แต่ที่พอจะให้คำตอบได้แน่ๆ ก็คือว่า ไม่ว่าประเทศไหนๆ ในโลกอาหรับก็แล้วแต่ นับจากนี้เป็นต้นไปมีแต่จะต้องยุ่งเหยิง ชุลมุน วุ่นวาย ไปกับความซับซ้อน พิสดาร หนักขึ้นๆ ทุกที และด้วยความยุ่งเหยิงในโลกอาหรับนั่นเอง ที่จะทำให้โลกทั้งโลกหนีไม่พ้นต้องชุลมุน วุ่นวาย ตามไปด้วย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเด็ดขาด... ------------------------------------------- ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก พระเยซูคริสต์...ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักร จะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ และจะเกิดกันดารอาหาร แต่เหตุการณ์ทั้งปวงนี้...เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก เพราะที่สุดปลายยังมาไม่ถึง... --------------------------------------------
ที่มา ไทยโพสต์ |