ผู้นำชุมชนมุสลิมแดนใต้เข้าเยี่ยมชมมจร.
คมชัดลึก :ผู้นำชุมชนมุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเยี่ยมชมมจร.แลกเปลี่ยนมุมมองทางศาสนา ทหารทลายฐานปฏิบัติการอาร์เคเคที่เจาะไอร้อง คนร้ายไหวตัวหนีรอด ยึดของกลางเพียบทั้งชุดลายพราง แม็กปืนเอ็ม16 กระสุนปืน ส่วนที่ปัตตานี วิสามัญฯ คนร้ายดับ 1 ตำรวจยืนยันศพนายฮานาฟี แต่ญาติยืนยันเป็นศพนายมะกอเซ็ง หนีประกันคดีฆ่าและเผาวัดพรหมประสิทธิ์ ขณะที่หมอพรทิพย์เผย หลักฐานคนร้ายก่อเหตุยิงถล่มฐานพระองค์ดำ พบแนวร่วมกลุ่มใหม่ผ่านการฝึกจากต่างประเทศ จี้รัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหา
เมื่อเร็วๆนี้มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่น มูลนิธิชนชุมท้องถิ่นพัฒนา ซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชนมุสลิม นำโดย ดร.ศักดิ์ ประสานดี ในฐานะผู้อำนวยการ เข้าเยี่ยมชมภารกิจเกี่ยวกับการบริหารมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.)
ในการนี้พระธรรมโกศาจารย์อธิการบดีมจร.ได้มอบหมายให้พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. ในฐานะผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการได้เป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยร่วมต้อนรับ และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านศาสนา (Interfaith Dialogue) โดยได้แลกเปลี่ยนประสาบการณ์ด้านศาสนาในหัวข้อเรื่อง “โลกแห่งความแตกต่างด้านศาสนาและวัฒนธรรม: เราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้อย่างไร" และ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแง่มุมในเชิงวิชาการด้านนี้ นักสันติวิธี หรือนักศึกษาที่สนใจงานด้านสันติภาพสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มได้ที่ http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=1208&menutype=1&articlegroup_id=187
ทหารทลายฐานปฏิบัติการอาร์เคเคที่เจาะไอร้อง
ส่วนสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 31 บ้านปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหารหน่วย ฉก.นราธิวาสที่ 31 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 45 ร่วมกันตรวจสอบของกลางจำนวนมากที่ยึดได้จากฐานที่พักแรมชั่วคราวของคนร้าย บนเทือกเขาตะเว บริเวณบ้านเจาะเกาะ หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
หลังจากเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พ.ท.ชัยนรินท์ เกษมโชติธนพัฒน์ ผบ.ฉก นราธิวาสที่ 31 ร.อ.พนัส เมืองปลอด ผบ.ร้อย ทพ.4506 กรมทหารพรานที่ 45 สนธิกำลังกว่า 50 นาย ขึ้นปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายเนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มแกนนำและแนวร่วมก่อความไม่สงบประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธสงครามครบมือเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่บนเทือกเขาตะเว จึงนำกำลังขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง พบค่ายที่พักแรมชั่วคราวของคนร้าย
ทันทีที่คนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ทหารได้พากันวิ่งหนีลงจากเขาตะเวอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุดทันทีเพื่อติดตามคนร้ายและเข้าตรวจสอบฐานที่พัก ซึ่งเป็นเปลนอนผูกโยงกับต้นไม้ใช้เป็นที่นอนกว่า 10 จุด แต่ละจุดจะมีกระเป๋าเป้วางอยู่ใกล้กัน
เจ้าหน้าที่ยึดของกลางทั้งหมดขนลงมาจากเขาเพื่อตรวจสอบที่ ฉก.นราธิวาสที่ 31 ได้แก่ ชุดลายพรางทหาร, แม็กปืนเอ็ม 16 พร้อมกระสุนปืน, มีดพร้า, อุปกรณ์เดินป่า, เป้สนาม, เปลนอน, ยารักษาโรค และอื่นๆ อีกหลายรายการ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังกระจายกำลังกันปิดล้อมตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคนร้ายน่าจะนำของกลางซุกซ่อนไว้บนเทือกเขาอีกจำนวนมาก สำหรับสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนร้ายไหวตัวหนีรอดไปได้ เนื่องจากมีสายของคนร้ายในพื้นที่แจ้งข่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง ส่วนปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีการจับกุมคนร้าย เนื่องจากทั้งหมดหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบก.หัวหน้าสืบสวนคดีความมั่นคง ศปก.ตร.ส่วนหน้า สนธิกำลังกับ พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ตำรวจ สภ.มายอ.และฝ่ายปกครองจังหวัดปัตตานี กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 172 หมู่ 1 บ้านถนน ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบ โดยทหารพรานที่ 41 จำนวน 5 นาย พร้อมโล่ได้เข้าไปที่หน้าบ้านแล้วตะโกนให้ทุกคนออกมาจากบ้าน
จากนั้นได้ยินเสียงกระโดดทางด้านหลัง จึงนำกำลังไล่ติดตามไปในป่าละเมาะ คนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่จึงยิงสวนมาทำให้เกิดการยิงปะทะกันประมาณ 1 นาที สิ้นเสียงปืนพบผู้เสียชีวิต มีอาวุธปืน 9 มม.กำที่มือขวา และพบแม็กปืนพร้อมกระสุน 1 แม็ก และกระสุนอีกรวม 21 นัด ทราบชื่อเบื้องต้นว่า นายฮานาฟี ดาหาแม็ง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงที่ลำตัวหลายนัด
ตรวจค้นภายในบ้านพบเอกสารจำนวนหนึ่ง และบริเวณหลังบ้านพบอาวุธปืนลูกซองของทางราชการตกอยู่ 1 กระบอก จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐานและควบคุมตัวนายมูฮำหมัดอาดัม วาแม็ง อายุ 26 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความปลอดภัย นายตายูดิง นาวา อายุ 26 ปี ชาวบ้านบ้านถนน ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี ทั้งสองให้การว่าผู้ตายมาเยี่ยมและมาคุยกันบ่อยๆ แต่ไม่ทราบว่าเป็นแนวร่วมอาร์เคเค ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเวลา 16.25 น. นายอาหามะ ปะดอ อายุ 45 ปี อยู่หมู่ 1 บ้านลางสาด ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี เดินทางมายืนยันว่าผู้เสียชีวิตคือนายมะกอเซ็ง ปะดอ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 1 บ้านลางสาด ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี ตรวจค้นกระเป๋าพบบัตรยืนยันด้วย
ทั้งนี้ นายมะกอเซ็งเป็นแนวร่วมอาร์เคเค หนีการประกันตัวคดีฆ่าและเผาวัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รวมทั้งมีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติคนร้ายคดีความมั่นคง หนีคดีไปกบดานที่ อ.บังนังสตา จ.ยะลา โดยพ่อแม่ได้เดินทางไปอยู่ที่บังนังสตาด้วยเช่นกัน
เมื่อเวลา 08.45 น. วันเดียวกัน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายโจมตีฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ ร้อย.ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ทำให้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย.ร.15121 และลูกน้องเสียชีวิตภายในฐานรวม 4 นาย และบาดเจ็บอีก 6 นาย เมื่อค่ำวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ได้วัตถุพยานมากกว่า 50-60 คน แต่ที่รู้ตัวแล้ว 2-3 คน กำลังตรวจสอบให้แน่นอนอีกครั้ง
“ภาพการก่อเหตุของคนร้ายไม่ใช่แยกกันทำ เป็นการก่อเหตุข้ามพื้นที่ คนที่ก่อเหตุเป็นแนวร่วมรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะวัยรุ่นจะไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ยกตัวอย่างคดีนี้ ได้ผู้ต้องสงสัยมา 1 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีก่อนหน้านี้ เจ้าตัวรับว่าถูกหลอกให้มาก่อเหตุ ความเชื่อมโยงของคดีนี้กับคดีอื่นๆ ที่ผ่านมานั้น ก็พบมีการเชื่อมโยงมาหลายคดี เช่นคนร้ายที่มาวางระเบิดในยะลา ก็เป็นคนร้ายที่อยู่ในพื้นที่นราธิวาส รวมทั้งอีกหลายคดี ที่เราสามารถตรวจสอบได้แล้ว แต่ยังไม่มีการรุกเข้าดำเนินการ ยังไม่ได้มีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ถ้าถามว่ารู้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่ารู้ตัว รัฐบาลน่าจะยังไม่ตั้งใจ ยังไม่มีเวลาเต็มที่ที่จะมาดู” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุทุกเหตุการณ์ สามารถนำไปดำเนินคดีผู้ที่ก่อเหตุได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ดูคดีที่ศาลพิพากษา จากหลักฐานสำลีอุดหูของคนร้ายที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ กรณีลอบวางระเบิด ศาลตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหา 2 ศาลแล้ว สำหรับแนวร่วมกลุ่มใหม่ที่พบในขณะนี้ เนื่องจากหลักฐานที่เจอไม่ตรงกับฐานข่าว ย่อมแสดงว่าดีเอ็นเอที่เก็บได้ เป็นข้อมูลใหม่ของแนวร่วมรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่ผ่านการฝึกจากต่างประเทศ |