จาก "น้ำกรด" ถึง "โซดาไฟ"
เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมเคยเขียนถึงเรื่องฉากสาดน้ำกรดในละครต่าง ๆ ไปว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม และรุนแรงน่ากลัวกว่าฉากยิงปืนหรือฉากต่อสู้บู๊ระเบิดต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย
หลายคนอาจมองว่าจริง ๆ แล้วผู้ชมละครก็มีวิจารณญาณ สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ แต่อย่างที่ผมเคยบอกว่าเราต้องเข้าใจว่าคนที่ชมละครส่วนใหญ่ก็มีระดับการศึกษาและความคิดความอ่านแตกต่างกันไป ถ้าทุกคนที่ชมทั้งหมดมีวัยวุฒิและคุณวุฒิที่เท่าเทียมกัน เราก็คงไม่ต้องมากังวลว่าผู้ชมดูแล้วจะเกิดพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ แต่เราต้องยอมรับว่าคนในสังคมมีระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น เวลาจะมีฉากรุนแรงอะไร เราก็ควรจะเบรกไปเสีย
อย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเป็นข่าวใหญ่โต คือ กรณีที่พระเอกหนุ่ม แดน-ดนัย สมุทรโคจร ได้รับอุบัติเหตุขณะที่แย่งโซดาไฟจากแฟนเก่า ก้อย-แพรวพันธุ์ สมพงษ์มิตร ทำให้หน้าบางส่วนถูกโซดาไฟสาดใส่ ด้านเพื่อนสาวชาวต่างชาติของแดนก็โดนหางเลขไปด้วย
ผมเชื่อว่าคุณก้อยเองก็เป็นคนมีการศึกษาในระดับหนึ่ง เธอก็ดูเป็นคนมีความรู้ แต่ทำไมเธอจึงทำเช่นนั้น เธอบอกว่าเธอแค่คิดจะฆ่าตัวตายต่อหน้าแดนเท่านั้น ในเรื่องการฆ่าตัวตายผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนมีสติคงไม่กระทำอะไรแบบนั้นแน่นอน และสุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกลับบานปลาย เพราะคนที่รับเคราะห์คือ แดนและเพื่อนสาวชาวต่างชาติของเขา ถูกโซดาไฟสาดที่หน้าและตามจุดอื่น ๆ ของร่างกาย
เราต้องยอมรับว่าเวลาคนเราจะทำอะไรนั้น หลายครั้งมักจะใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าบางทีการศึกษาก็ไม่ช่วยอะไร ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นขาดสติ
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้เพลา ๆ ฉากสาดน้ำกรดซะ เพราะไม่ได้สร้างสรรค์สังคมเลย แถมยังเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอีกต่างหาก อย่างที่ผมเคยเรียนเอาไว้ว่า น้ำกรดน่ากลัวกว่าปืนตรงที่หาซื้อได้ง่ายกว่า ก็อยากจะฝากไปถึงผู้จัดละครท่านอื่น ๆ ช่วยพิจารณาด้วยนะครับ.
ที่มา เดลินิวส์ |