สัญญาณจัดการเด็ดขาด อริสมันต์-ขบวนการล้มเจ้า ก็เผ่นคนละทิศละทาง (ผู้จัดการออนไลน์)
ผ่าประเด็นร้อน คำพูดอันแข็งกร้าวและชัดเจนเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) หลังจากได้รับตำแหน่งเพียงแค่ไม่ถึง 30 วัน โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการจัดการกับพวกที่จาบจ้าง ให้ร้ายป้ายสีสถาบันเบื้องสูง โดยขณะนี้มีหลักฐานและรู้ตัวบุคคลที่ร่วมอยู่ในขบวนการดังกล่าวหมดแล้ว ความหมายก็คือกำลังจะจัดการขั้นเด็ดขากกับพวก “ขบวนการล้มเจ้า” ซึ่งในระยะสองสามปีที่ผ่านมากำลังเหิมเกริมผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ทั้งเว็บไซต์ ใบปลิว ฯลฯ ที่ผ่านมาคนพวกนี้มักจะเคลื่อนไหวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแกนนำคนเสื้อแดงมาตลอด หรืออีกด้านหนึ่งแกนนำเสื้อแดงหลายคนก็มีพฤติกรรมเข้าข่ายจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมาตลอด และในจำนวนนั้นมีทั้งประเภทเคยถูกดำเนินคดี และหลายคนกำลังถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หากกล่าวถึงขบวนการดังกล่าวก็ต้องรวมถึง อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เข้าไปด้วย และที่ผ่านมาถือว่ามีบทบาทในการเคลื่อนไหวที่สร้างความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งปลุกระดมให้เผาเมือง และเคยถึงขั้นประกาศขู่จะบุกโรงพยาบาลศิริราชมาแล้ว อย่างไรก็ดีหลังจากมีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เขาก็สามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ ต่อมามีข่าวว่าหลบไปกบดานที่กัมพูชาพร้อมกับแกนนำคนอื่นๆ เช่น สุภรณ์ อัตถาวงศ์ และพายัพ ปั้นเกตุ ที่พาสมัครพรรคพวกบุกเข้าตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยอ้างว่ามีข่าวทหารซุ่มซ่อนอยู่ภายใน ทำให้ต้องมีการขนย้ายคนป่วย แม้กระทั่งสมเด็จพระสังฆราชฯที่ทรงประชวร และรักษาพระวรกายอยู่ที่นั่นต้องทรงย้ายไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชชั่วคราว นั่นคือที่มาที่ไปแบบคร่าวๆเพื่อฟื้นความจำสำหรับ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง คนที่ทางการกัมพูชาปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอดว่าไม่เคยให้ที่พักพิง รวมไปถึงการปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าปล่อยให้มีขบวนการก่อการร้ายฝึกอาวุธอยู่ที่นั่นอีกด้วย แต่จากข้อมูลล่าสุดกลับเป็นตรงกันข้าม เริ่มจากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ศานิตย์ อินทรสุขศรี ที่ยืนยันว่า อริสมันต์ กบดานอยู่ในกัมพูชา พร้อมทั้งระบุพิกัดชัดเจนอีกว่าเคลื่อนไหวไปมาระหว่างกรุงพนมเปญกับจังหวัดเสียมราฐ อีกทั้งยังระบุอีกว่ากำลังทำเรื่องเพื่อขอ “ลี้ภัย” ในประเทศที่ 3 โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชาคอยให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในด้านเอกสารให้ ถัดมา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร ก็ได้ยืนยันทำนองเดียวกันว่า อริสมันต์ อยู่ที่กัมพูชา และใช้วีซ่าปลอมเข้าประเทศ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุล่าสุดเช่นเดียวกันว่า ระหว่างการหารือกับ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เวียดนามในไม่กี่วันข้างหน้าจะหยิบยกเอาเรื่องการขอตัว อริสมันต์ และผู้ที่ถูกออกหมายจับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ไทย ถ้าพิจารณาจากข้อมูลที่ยืนยันจากบุคคลสำคัญดังกล่าวและความเคลื่อนไหวล่าสุดก็เป็นอันยืนยันตรงกันแล้วว่า อริสมันต์ กบดานอยู่ที่กัมพูชา และเป็นการเปิดเผยข้อมูลในช่วงที่ เลขาธิการสหประชาชาติ “บันคี มูน” เยือนประเทศไทย และกำลังจะเดินทางไปเยือนกัมพูชาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเสียด้วย ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือในเมื่ออยู่ที่กัมพูชา และมีเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นคอยให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกมาตลอด แล้วทำไมถึงต้องดิ้นรนขอลี้ภัยไปอยู่ประเทศที่ 3 นาทีนี้หากให้ประเมินจากความเคลื่อนไหวล่าสุดก็น่าจะมาจากการจับสัญญาณอันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆของฝ่ายทางการ โดยเฉพาะสัญญาณ “พิเศษ” ที่มาจาก ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้รับรู้ถึงความไม่มั่นคงในดินแดนกัมพูชา ขณะเดียวกันถ้าหากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ “นายใหญ่” อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เดิมเคยเชื่อว่ามีโอกาสจะกลับมาใหญ่อีกรอบ เริ่มเลือนหายออกไปเรื่อยๆประกอบกับเริ่มมีแรงกดดันจากรัฐบาลไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุดังกล่าวทั้งหมดน่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้องขยับขยายเพื่อหาที่ปลอดภัยใหม่ เพราะข้อมูลเก่าๆในอดีตก็จะพบว่า อริสมันต์ เป็นบุคคลที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด เพราะมีหมายจับในข้อหาก่อการร้าย และยังมีพฤติกรรมในลักษณะจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน และนี่อาจจะเข้าข่ายที่ “หน่วยเฉพาะกิจ” ประกบติดตามอย่างอย่างใกล้ชิดตามที่ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร เพิ่งเปิดเผยให้ทราบหรือเปล่าไม่อาจทราบได้ แต่ด้วยสัญญาณที่ไม่ปกติแบบนี้นี่แหละทำให้ เขาต้องรีบเผ่นออกพ้นจากดินแดนกัมพูชาให้เร็วที่สุด และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวในลักษณะแบบเดียวกันจะต้องไม่ใช่มีแค่ “ไอ้กี้ส์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพียงคนเดียวแน่นอน !! |