รัฐสภา 14 ต.ค. - นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตรวจสอบผู้แสวงหาผลประโยชน์จากประชาชนมุสลิม ที่ไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขณะนี้พบว่า ยังมีผู้แสวงบุญตกค้างที่สนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวนมาก เพราะมีผู้ประกอบการเอกชนบางรายไปฮั้วกับสายการบิน "โลว์คอสต์" ของต่างชาติ แต่เก็บเงินในราคาสูงเทียบเท่ากับบริษัทการบินไทย
นอกจากนี้ยังพบว่า จุฬาราชมนตรีได้ขอวีซ่าเบียะซะห์ ซึ่งเป็นวีซ่าพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้แสวงบุญฮัจญ์ จำนวน 6 คน แต่ทางกรมการศาสนากลับแจ้งว่า สามารถออกวีซ่าดังกล่าวได้เพียง 2 คน ขณะที่บริษัทเอกชนสามารถขอได้ถึง 50 คน ทั้งที่บุคคลเหล่านี้สมควรใช้วีซ่าปกติเหมือนผู้แสวงบุญทั่วไป
"นอกจากนี้ยังพบว่ามีการทุจริตในเรื่องของการจองที่พัก ที่เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจองที่พักผ่านนายหน้า ทำให้เกิดปัญหา เมื่อผู้แสวงบุญไปถึง แต่ไม่มีพัก เนื่องจากเกิดความซ้ำซ้อนกับประเทศอื่นที่จองที่พักเดียวกัน ทำให้ผู้แสวงบุญต้องไปนอนข้างถนนนับ 10 วัน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับบริษัทเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์กับผู้แสวงบุญ เพราะเป็นเรื่องทางศาสนา ที่มีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้ดำเนินการจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นทุกปี" นายสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย
“สมัย” จี้รัฐบาลตรวจสอบหาคนผิดนำ 2 สายการบินโลว์คอสต์ต่างชาติเข้ามารับผู้แสวงบุญไปเมกกะ แต่เก็บเงินค่าโดยสารในอัตราสายการบินไทย แถมเบี้ยวไม่มารับทำชาวไทยมุสลิมตกค้างที่หาดใหญ่อื้อ พร้อมเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานให้มากขึ้น
นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่กรณีที่สายการบินอิหร่านแอร์ และมาฮานแอร์ มีสิทธิ์ในการขนส่งผู้แสวงบุญในพื้นที่ภาคใต้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จนขณะนี้มีผู้ตกค้างอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อีกจำนวนหนึ่ง โดยที่ไม่มีเครื่องบินโดยสารมารับนั้น ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตรวจสอบหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี
นายสมัยกล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนชาวยไทยมุสลิมมาโดยตลอดในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เช่นการเปิดให้มีการทำหนังสือเดินทางสัญจรไปยังจังหวัดภาคใต้เพื่ออำนวยความสะด้วยให้กับชาวมุสลิม หรือการทำข้อตกลงกับทางสายการบินไทยเพื่อให้ทำการขนส่งคนไทยไปยังประเทศซาอุฯ แต่ก็ได้มีผู้ประกอบการบางรายที่เอาเปรียบผู้แสวงบุญ เช่น การจัดเก็บค่าเดินทางในราคาอัตราค่าตั๋วของสายการบินไทย แต่พอจะเดินทางจริงกับเป็นสายการบินโลว์คอส ซึ่งประชาชนต้องประสบกับปัญหาเช่นนี้ทุกๆ ปี
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักจุฬาราชมนตรี จะต้องจับมือทำงานร่วมกันเพื่อให้ปัญหาเช่นนี้ยุติลง เพราะผู้แสวงบุญเป็นเพียงประชาชนที่ถูกเอาเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเกาะอย่างกรณีที่เคยเกิดขึ้น เมื่อเดินทางไปถึงนครเมกกะแล้ว กลับไม่มีที่พักอาศัย เพราะฉะนั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ถือเป็นคนที่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งจำเป็นที่จะต้องใส่ใจในปัญหาดังกล่าวให้มากขึ้น และรัฐบาลต้องจัดการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ดแลผู้แสวงบุญอย่างเต็มที่และผู้แสวงบุญจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ประกอบการอีก”