หมวดหมู่
หน้าหลัก       ยินดีต้อนรับสู่มุสลิมไทย โพสต์
 
พิมพ์หน้านี้  |  ส่งให้เพื่อน
กรณี สมคิด-ซาอุฯ อีกตัวอย่างของการเมืองเลว ชักศึกเข้าบ้าน !
ผ่าประเด็นร้อน 
       
       หากจะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของพรรคเพื่อไทย เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร และการเมืองไทยที่สะสมความน่าสะอิดสะเอียน นำความชิงชัง ความไม่ชอบส่วนตัวมาเป็นเครื่องมือจนสามารถขยายผลกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันได้ใช้เงื่อนไขความเดือดร้อนดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการกดดันและทำลายฝ่ายตรงข้าม
       
       กรณี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลายเป็นว่านี่คือต้นเหตุของความไม่พอใจของทางการซาอุดิอาระเบียที่ยังตั้งข้อสงสัยมานานว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักธุรกิจชาอุฯเมื่อกว่าสิบปีก่อน
       
       ที่ผ่านมาทางการซาอุฯได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อกรณีดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเรื่องดังกล่าวมาแล้วสองสามครั้ง ซึ่งหากพิจารณาในอีกแง่มุมหนึ่ง ในส่วนของ ซาอุฯก็อาจเข้าใจได้ เพราะที่ผ่านมาถือว่าเขาถูกกระทำย่ำยีหัวใจซ้ำซ้อนจากหลายกรณี เช่น ถูกขโมยเพชรในพระราชวัง ซึ่งกรณีนี้แม้ว่าจะสามารถจับกุมคนร้าย ยึดของกลางกลับมาได้ แต่กลายเป็นว่าเพชรที่นำไปคืนกลับมี “ของปลอม”ปะปนเสียอีก ถัดมาก็เกิดเรื่องนักธุรกิจถูกอุ้มฆ่าใจกลางกรุงเทพฯ จนมาถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักการทูตซาอุฯ เป็นใครที่เจอกับสภาพแทบนี้อย่างต่อเนื่องมันก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดา
       
       นอกเหนือจากนั้นตำรวจไทยไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้เลย ทุกอย่างยังปริศนามาจนถึงทุกวันนี้
       
       สำหรับ พล.ต.ท.สมคิด ที่ผ่านมาแม้ว่าจะถูกสงสัยว่ามีส่วนพัวพันในบางคดีโดยเฉพาะคดีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุฯ แต่ในที่สุดแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง และหลังจากนั้นก็มีกระบวนการ “ล้างมลทิน” ทำให้ พล.ต.ท.สมคิด ได้สิทธิ์ในสิ่งที่ควรได้ตามตำแหน่งทางราชการ และมีความก้าวหน้าทางราชการมาตามลำดับ จนกระทั่งก่อนหน้านี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ที่ดูแล “ภาคเหนือตอนบน” 
       
       บรรยากาศในตอนนั้นก็ไม่ได้ตึงเครียดเหมือนตอนนี้ และตอนที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ไม่เห็นอุปทูตซาอุออกมาเต้นแร้งเต้นกาแต่อย่างใด มีเพียงพวกเสื้อแดงเท่านั้นที่ไม่พอใจ แต่พอได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินี่แหละที่ดีกรีความขัดแย้งกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากที่อุปทูตซาอุฯได้ออกโรงคัดค้านอีกรอบ ทั้งที่หากจะว่าไปแล้วในวงการตำรวจตำแหน่งผู้ช่วยฯถือว่าเป็นตำแหน่งลอย ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายนัก
       
       อย่างไรก็ดีหากพิจารณาอย่างเข้าใจก็อาจยอมรับได้ถึงท่าทีของซาอุฯจากกรณีดังกล่าวข้างต้นที่กล่าวมา แม้ว่าจะเลยเถิด และไม่งามในลักษณะเข้าข่าย “ไร้มารยาท” ทางการทูต เพราะการเคลื่อนไหวออกมาในรูปของการแทรกแซงอธิปไตยของไทย โดยเฉพาะก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมของไทย เนื่องจากเวลานี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้รื้อฟื้นคดี และสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด ซึ่งศาลก็รับฟ้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
       
       ตามหลักการแล้วทางฝ่ายซาอุฯก็น่าจะเข้าใจกระบวนการภายในของไทย เช่นเดียวกับที่ไทยก็ต้องเข้าใจกระบวนการภายในของเขา ต้องเคารพและให้เกียรติ และแม้ว่าชนวนที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องกล่าวโทษระบบราชการ ระบบตำรวจไทยในอดีตที่ด้อยพัฒนาจนสร้างความมัวหมองอย่างไม่น่าให้อภัย ก่อให้เกิดผลกระทบตามมาไปทั่ว แต่นั่นก็ต้องมาว่ากันอีกกรณีหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องภายในของเราที่ต้องแยกแยะออกมาก่อน
       
       อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าเกลียดและน่าขยะแขยงก็คือ การผสมโรงของ “การเมือง” ที่ช่วยตอกลิ่มให้ความขัดแย้งนั้นให้บานปลาย เพียงเพื่อต้องการใช้ซาอุฯมาเป็นเครื่องมือมาทำลายความสัมพันธ์ที่เปราะบางอยู่แล้วให้เลวร้ายลงไปอีก
       
       สิ่งที่สมควรตำหนิอย่างรุนแรงก็คือการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง ซึ่งรวมไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ที่พยายามขยายผลเรื่องนี้อย่างผิดสังเกต จนไม่ต่างจากลักษณะชักน้ำเข้าลึก “ชักศึกเข้าบ้าน” เพียงเพื่อต้องการ “เอาคืน” จากการที่ พล.ต.ท.สมคิด มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เหมือน “คนละพวก”ทำให้การเคลื่อนไหวของบรรดา “เสื้อแดง” ทำได้ไม่สะดวกอย่างนั้นใช่หรือไม่
       
       หากพิจารณามองย้อนไปในเวลาไล่เสี่ยกันก็มีกรณีของ วิกเตอร์บูท ที่มีความพยามขยายผลให้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศมหาอำนาจ สหรัฐฯ-รัสเซียให้ได้ หรือก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของกัมพูชา เหมือนกับว่าต้องการทำทุกอย่างอะไรก็ได้เพื่อจะทำลายรัฐบาลชุดนี้ให้ย่อยยับไปให้ได้ โดยไม่ต้องไปสนใจว่าผลกระทบที่จะตามมาภายหลังจะเป็นแบบไหน 
       
       ในทางตรงกันข้ามหากทุกฝ่ายช่วยกันทำความเข้าใจ และยึดถือเอาผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติ ช่วยกันปกป้องไม่ให้ต่างชาติเข้ามากดดันและมีท่าทีที่ต้องการแทรกแซงกิจการภายในของไทย สถานการณ์คงจะไม่เลวร้ายบานปลายแบบนี้ เพราะทุกอย่างเริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ แต่นี้เมื่อการเมืองมีวาระซ่อนเร้น มันก็สมควรประนาม !!-ผู้จัดการ
 
  เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :-
 
  เนื้อหาที่คุณอาจกำลังค้นหา :-
บทความที่น่าสนใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
340 ลาดพร้าว 112 วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 0-2514-0593 แฟ็กซ์ 0-2538-4215 Email : [email protected]

Warning: include(../../main/globalsitemap.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185

Warning: include(): Failed opening '../../main/globalsitemap.php' for inclusion (include_path='.:/usr/lib/php:/usr/local/lib/php') in /home/muslimpo/public_html/muslimthai/main/index.php on line 185