ลบภาพเผาเมือง! พับเพียบชุมนุม/ชง4เงื่อนไข ปล่อยนักโทษ-รื้อศาล

แดงไม่เดือด แต่ราชประสงค์คึก ร่นเวลาสลายตัวเร็วกว่ากำหนด "สมบัติ" คุยทะลุหมื่น "วิเชียร" สวนแค่ 5 พัน งวดหน้าลุยอุดรธานี-อยุธยา เกษรพลาซ่าปิดห้าง เชียงใหม่กร่อยแค่ 2 พัน เล่นแรง มัดตราสัง-แห่โลงศพมาร์ค เพ้อหนักยื่นเงื่อนไขปล่อยนักโทษ นปช.-รื้อระบบศาลให้ใช้ลูกขุนแทนตุลาการ  
    การเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์การเมืองของคนเสื้อแดงที่ใช้วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553 ที่ผ่านมาเป็นวันทำกิจกรรม โดยใช้เหตุผลว่าเป็นวันครบรอบ 4 เดือนของเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อ 19 พ.ค. 2553 และวันครบรอบ 4 ปีการทำรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมีการนัดรวมตัวและทำกิจกรรมกันหลายจุด ทั้งภาคเหนือ อีสาน ภาคใต้ กรุงเทพมหานคร ทว่าจุดที่อยู่ในความสนใจก็คือสี่แยกราชประสงค์ และจังหวัดเชียงใหม่
      ที่กรุงเทพมหานคร คนเสื้อแดงได้เริ่มทำกิจกรรมกันตั้งแต่ช่วงเช้า ด้วยการนัดรวมตัวกันบางส่วนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน แต่คนไม่มากนัก จากนั้นได้มารวมตัวกันเพื่อทำบุญที่บริเวณวัดปทุมวนารามฯ  ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งพบศพปริศนา 6 ศพในบริเวณวัดหลังวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยส่วนใหญ่ได้นำดอกกุหลาบสีแดงมาวางบริเวณหน้าศาลาพระราชศรัทธา เพื่อรำลึกถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต โดยตำรวจได้จัดตั้งหน่วยตรวจค้นบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกภายในวัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุใดๆ 
      จากนั้นในช่วงสาย ตั้งแต่ 11.00 น. คนเสื้อแดงได้ทยอยเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมกันอย่างเนืองแน่นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยเฉพาะฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ที่มีการเผาทำลายห้าง และห้างเกษรพลาซ่า ซึ่งปรากฏว่าห้างเกษรพลาซ่าได้หยุดดำเนินการ 1 วัน จากปกติที่เปิดทุกวัน
      คนเสื้อแดงได้ทยอยมาร่วมชุมนุม เริ่มจาก 1,000 คน และมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบ 3,000 คนในช่วง 16.00 น. โดยได้กระจายกันอยู่บริเวณทางเท้ารอบๆ จนรุกล้ำลงไปบนพื้นผิวจราจรถนนราชดำริถึงสี่แยกประตูน้ำ และบนสกายวอล์กที่ยืนโบกธงชาติไทยไปมา จนทำให้การจราจรติดขัด หลังมีการนำรถยนต์มาจอดสองข้างทางถนนราชดำริ ส่งผลให้การจราจรบริเวณข้างเคียงติดขัดอย่างหนักตั้งแต่แยกพระราม 1 ถึงแยกเฉลิมเผ่า ขณะที่คนเสื้อแดงเมื่อพบเจอกันก็โห่ร้องเข้ากอดกัน ทำให้ภาพรวมการชุมนุมเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยอยู่ในอารมณ์ฮึกเหิม ซึ่งมีการตะโกนปลุกใจเป็นระยะๆ จากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเองว่า 
      "ที่นี่มีคนตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการตายที่เกิดขึ้น" หรือ "ทหารฆ่าคนบริสุทธิ์ที่นี่" ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำผ้าแดงไปผูกตามเสาต่างๆ รอบสี่แยกราชประสงค์ที่มีโรงแรมหรูห้าดาวและห้างสรรพสินค้า 
      การชุมนุมครั้งนี้มีแกนนำคือ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ซึ่งนายสมบัติได้กล่าวขณะอยู่บนรถกระจายเสียงของตำรวจว่า ที่มาวันนี้ไม่ใช่มาเพื่อชุมนุม แต่มาเพื่อทำกิจกรรมบนท้องถนนและรำลึกความหลัง ขอให้ชุมนุมกันอย่างสงบ 
      ระหว่างการชุมนุมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเย็น ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรมากนัก เพราะตำรวจมีการสนธิกำลังกันตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนาแม้ว่าจะมีคนมาร่วมกิจกรรมเกินกว่าที่ตำรวจประเมินไว้ จนทำให้การจราจรโดยรอบติดขัด แต่ฝ่ายตำรวจเช่น พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้คนเสื้อแดงชุมนุมอย่างสงบ  ขณะที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงย้ำเตือนว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครยังคงไว้ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย 
      อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมดังกล่าวที่สี่แยกราชประสงค์ ปรากฏว่าได้มีการเร่งเวลาให้เสร็จสิ้นลงเร็วกว่าเดิมที่เคยประกาศไว้จะสิ้นสุดเวลา 20.00 น. เช่น การปล่อยลูกโป่งสีแดงนับพันใบขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ปล่อยในช่วง 16.30 น. จากเดิมที่จะปล่อยในช่วง 18.00 น. ซึ่งเมื่อมีการปล่อยลูกโป่งสีแดงนับพันลูกแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันขับร้องเพลง "แดงทั้งแผ่นดิน" พร้อมกันท่ามกลางฝนตกโปรยปราย จากนั้นทั้งหมดได้ร่วมกันจุดเทียนรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ก่อนที่ต่อมาในช่วง 18.00 น. คนเสื้อแดงที่มารวมตัวกันประมาณ 5,000 คนได้เริ่มทยอยแยกย้ายกันกลับ 
      นายสมบัติบอกถึงเรื่องการเลื่อนเวลายุติการทำกิจกรรมเร็วขึ้นว่ากิจกรรมวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด ไม่คิดว่าคนเสื้อแดงจะมามากถึงเพียงนี้ เดิมประเมินว่า 5,000 คน แต่ผู้เข้าร่วมมีจำนวนถึง 1 หมื่นคน แต่คนเสื้อแดงไม่มีเครื่องมือสื่อสารถึงมวลชน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ จึงต้องร่นเวลาการทำกิจกรรมทั้งหมดขึ้นมาให้เร็วขึ้นเพื่อให้เลิกก่อนฟ้ามืด เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับผู้ชุมนุม และอาจมีมือที่ 3 ปั่นป่วนสร้างสถานการณ์ เพราะกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงไม่มีการ์ด มีเพียงอาสาสมัคร 15 คนดูแลไม่ทั่วถึง หลังจากนี้จะไม่มีการรวมตัวครั้งใหญ่แบบนี้อีกอย่างน้อยอีก 6 เดือน โดยทางกลุ่มจะเน้นทำกิจกรรมเล็กๆ และในสัปดาห์หน้าจะจัดกิจกรรมปั่นจักรยาน ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นจะไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะมีการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานครั้งใหญ่ ทั้งนี้กลุ่มเสื้อแดงไม่มีเจตนาจะปิดการจราจร จึงอยากขอโอกาสเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยจะไปจัดที่ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยเป็นกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์
      ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 17.30 น. นายสมบัติได้ขึ้นบนรถกระจายเสียงของตำรวจ ประกาศยุติการชุมนุม โดยได้ขอบคุณกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ทำให้กิจกรรมครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินคาด และขออภัยผู้ทำมาหากิจย่านราชประสงค์
      "วันหลังจะกลับมาตอบแทนด้วยการอุดหนุน ในฐานะเป็นคนเสื้อแดง ขอกล่าวคำขอโทษและแสดงความเสียใจ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และผู้ประกอบการทุกท่านต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ยุติการรวมตัวกันเพียงเท่านี้ ใครอยากอยู่ต่อให้อยู่บนฟุตบาท เพราะเราต้องคืนถนนให้กับคนกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าสร้างความวุ่นวายและเสียภาพลักษณ์ทางการเมือง" นายสมบัติกล่าวสลายการชุมนุม
       หลังจากประกาศได้มีเสียงโห่ร้องตอบรับจากคนเสื้อแดง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังปักหลัก จับกลุ่มนั่งคุยกัน และร้องรำทำเพลง โดยมีผู้ชุมนุมทยอยกันเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หลังเสื้อแดงยุติการทำกิจกรรม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. บอกว่าตัวเลขคนมาร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์มี 5,600 คน ซึ่งรวมถึงตำรวจด้วย 
เชียงใหม่แห่โลงศพมาร์ค
      ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มเสื้อแดงได้มารวมตัวกันที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยส่วนใหญ่พบว่าเป็นคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดในภาคเหนือมารวมตัวกัน และมีการตั้งขบวนด้วยรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่สวมเสื้อแดงและถือธงแดง ขบวนกลองสะบัดชัย ที่มีคนหลายพันคนมาร่วมกิจกรรมเพื่อตั้งแถวเข้าไปภายในงาน ขณะที่เวทีปราศรัยขนาดใหญ่ภายในงานใช้ภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ มาเป็นฉากหลังของเวทีปราศรัย แกนนำส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่ม นปช.แดงเชียงใหม่ กลุ่ม Thailand Mirror 
       และมีการทำพิธีประหารชีวิตหุ่นและมัดตราสังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถนนด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ และแห่โลงศพวนไปถึงข่วงประตูช้างเผือก จากนั้นกลับมาสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ คนเสื้อแดงภายในงานได้รับการแจ้งว่าในช่วงค่ำแกนนำ นปช.บางคน เช่น นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่หนีคดีอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสจะโฟนอินมาที่เวที อย่างไรก็ตามต่อมาแกนนำ นปช.บอกว่าได้ระงับการโฟนอินเพราะตำรวจกับแม่ทัพภาคที่ 3 ประสานมาว่าไม่อนุญาต แต่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย เช่น นายสุนัย จุลพงศธร และนายจตุพร พรหมพันธุ์ สอง ส.ส.สัดส่วนที่ขึ้นขบวนแรลลี่จากกรุงเทพมหานครมาที่เชียงใหม่ขึ้นเวทีปราศรัย
      ต่อมาช่วงเย็น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บ.ก.นสพ.เรดพาวเวอร์และแกนนำ นปช.แดง พร้อมแกนนำ นปช.แดง จ.เชียงใหม่ ร่วมเปิดแถลงข่าวด้านหลังเวทีปราศรัย โดยมีคนมาร่วมงานประมาณ 2,000 คน นายสมยศบอกว่า แรลลี่แดงรำลึก 4 ปี 19 กันยาประสบความสำเร็จเพราะมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศนำรถมาเข้าร่วมจาก 50 เป็น 130 คัน เพราะรัฐบาลบริหารประเทศโดยทำให้สังคมแตกแยก จนนำมาสู่กิจกรรมตาสว่างทั้งแผ่นดิน และคนเสื้อแดงมีข้อเรียกร้องเร่งด่วนไปยังรัฐบาล 4 ข้อ เช่นให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง นปช.ทุกคน นับตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เพื่อสร้างสังคมปรองดอง ปฏิรูปศาลยุติธรรมให้เชื่อมโยงกับอำนาจของประชาชน และนำคณะลูกขุนมาใช้ ผลักดันรัฐสวัสดิการ     
 "หากรัฐบาลตอบสนองข้อแรกคือปล่อยนักโทษการเมือง เราจะยุติการเคลื่อนไหว แต่หากไม่ก็จะเดินหน้าจัดกิจกรรมแบบนี้ต่อไป แต่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือน ไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ หลังงานนี้คือ 14 ตุลาคมวันประชาชนลุกขึ้นสู้เราจะจัดที่ จ.นครนายก ซึ่งผ่านกรุงเทพฯ ด้วย" นายสมยศกล่าว     
 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายจังหวัดโดยที่ไม่มีแกนนำสะท้อนให้เห็นว่า หากรัฐบาลยังใช้วิธีการกดดันคนเสื้อแดง เสื้อแดงก็จะรวมตัวกันได้ทันที คนเสื้อแดงจะมีการจัดการชุมนุมเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่อาจจะไม่ได้เป็นในรูปแบบของการตั้งเวทีปราศรัย
    นายจตุพรยังกล่าวว่า ในเดือน ต.ค.นี้ สำนักงานทนายความอัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะยื่นฟ้องศาลโลกกรณีที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ สั่งฆ่าประชาชน 
          "สำนักงานทนายความอัมสเตอร์ดัมได้ร่วมกับทีมกฎหมายในไทย สืบหาพยานหลักฐานในคดี จนพบแล้วว่าใครที่เป็นคนสั่งฆ่าประชาชน มีพยานที่สามารถชี้ได้ชัดเจน โดยได้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน และเอกสารนานกว่า 4 เดือน ซึ่งเชื่อมั่นว่าศาลโลกจะรับคำฟ้องดังกล่าว" นายจตุพรกล่าว
หลายจังหวัดเอาด้วยแต่กร่อย
        ส่วนจังหวัดอื่นๆ มีเช่น เชียงราย ลำปาง หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช ระยอง เพชรบูรณ์ หนองคาย ระนอง ตรัง โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดกิจกรรมของแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ ซึ่งมีคนเสื้อแดงเข้าร่วมกิจกรรมมากน้อยกันไป
      บางจังหวัดก็มีข่าวว่ามีคนมาร่วมนับพันคน แต่บางแห่งพบว่ามีไม่ถึง 150  คน รูปแบบการจัดงานเน้นการนำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงตระเวนไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อบอกเล่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดง โดยพยายามบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย สมควรต้องยุบสภา รวมถึงเน้นย้ำว่าตอนนี้ประเทศมีการปกครองแบบสองมาตรฐาน และโจมตีนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ว่าเป็นคนทรยศทางการเมือง โดยการเคลื่อนไหวโจมตีนายเนวินพบว่าส่วนใหญ่เป็นการจัดงานของคนเสื้อแดงในภาคอีสานเช่นที่หนองคาย-ไทยโพสต์